ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์ฯ เตือน! 6 ภาวะฉุกเฉินทางตาจากอุบัติเหตุ เสี่ยงสูญเสียการมองเห็น ควรรีบไปพบจักษุแพทย์ทันที

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ

ปกข่าว ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์ฯ เตือน! 6 ภาวะฉุกเฉินทางตาจากอุบัติเหตุ เสี่ยงสูญเสียการมองเห็น ควรรีบไปพบจักษุแพทย์ทันที

                    ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย เผยแพร่สุขภาพตา เรื่อง 6 ภาวะฉุกเฉินทางตาจากอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นความรู้โดยทั่วไป ไม่สามารถใช้อ้างอิงในการรักษาเฉพาะบุคคลได้ทั้งหมด ควรปรึกษาจักษุแพทย์ที่ดูแล 

                    1.ลูกตาแตก หรือ สิ่งแปลกปลอมทะลุเข้าไปในลูกตาโดยปัจจัยที่ส่งผลต่อพยากรณ์ของโรค คือ ความรุนแรงของการบาดเจ็บ แผลลึกหรือยาว  แผลบริเวณส่วนหลังของลูกตา มีพยากรณ์โรคแย่

  • ระดับการมองเห็นขณะมาถึงโรงพยาบาล หากมองเห็นเพียงแสงหรือตำกว่ามักมีพยากรณ์โรคไม่ดี หากยังเห็นนิ้วหรือมองเห็นชัดบางส่วน โอกาสฟื้น ตัวของการมองเห็นมีมากกว่า
  • มีสิ่งแปลกปลอมภายในลูกตาหรือไม่ วัสดุโลหะสะอาด มักก่อให้เกิดการอักเสบได้น้อย วัสดุอินทรีย์ มีโอกาสติดเชื้อและอักเสบสูง
  • ระยะเวลาที่ได้รับการผ่าตัดซ่อมแซม การซ่อมลูกตาเร็ว (ภายใน 12-24 ชม.) ลดความเสียงของภาวะแทรกซ้อน และเพิ่มโอกาสในการมองเห็น
  • ภาวะแทรกซ้อน การติดเชื้อภายในลูกตาเป็นภาวะแทรกช้อนที่รุนแรงและพยากรณ์แย่ จอตาหลุดลอก พบได้บ่อยและมีผลต่อการฟื้นตัว ลูกตาฝ่ออาจเกิดในระยะยาวหากเนื้อเยื่อตาถูกทำลายมาก

                    การดูแลหลังการผ่าตัด การให้ยาปฏิชีวนะให้ครอบคลุมเชื้อ และเฝ้าระวังภาวะติดเชื้อ การผ่าตัดแก้ไขเพิ่มเติม เช่น vitrectomy มีผลต่อผลลัพธ์ระยะยาว

                    สิ่งที่ควรทำเมื่อสงสัยว่าลูกตาแตกหรือมีสิ่งแปลกปลอมทะลุเข้าไปในลูกตา ห้ามกดหรือขยี้ตาโดยเด็ดขาด เพราะอาจทำให้ความเสียหายรุนแรงขึ้น ปิดตาด้วยที่ครอบตา หรือแก้วพลาสติกสะอาด โดยไม่ให้กดทับลูกตา อย่าพยายามดึงแปลกปลลอมออกเอง เพราะอาจทำให้เลือดออกหรือเนื้อเยื่อลูกตาหลุดออกมามากขึ้น หลีกเลี่ยงการไอ จาม หรือเบ่งแรง เพราะอาจทำให้ความต้นในลูกตาเพิ่มขึ้มขึ้น  รีบไปโรงพยาบาลทันที เพื่อให้จักษุแพทย์ทำการตรวจและให้การรักษาโดยเร็วที่สุด

                    อาการที่พบได้ในกรณีลูกตาแตก

  • การมองเห็นลดลงอย่างเฉียบพลัน
  • มีแผลเปิดที่ลูกตา อาจเห็นเนื้อเยื่อภายในลูกตาโผล่อกมา
  • รูม่านตารูปผิดปกติ, รูม่านตาอาจผิดรูปหรือเอียงไปทางด้านที่มีแผล
  • เยื่อบุตาขาวบวม และมีเลือดออกมากผิดปกติ
  • เห็นเนื้อเยื่อภายในลูกตาหลุดออกมาทางแผล (เช่น ม่านตาหรือวันตา)
  • มีเลือดออกในช่องหน้าลูกตา หรือ ในวุ้นตา
  • ความดันลูกตาต่ำลง ซึ่งจะพบจากการตรวจโดยจักษุแพทย์

                    อาการที่สงสัยว่ามีสิ่งแปลกปลอมทะลุเข้าไปในลูกตา

  • มีบาดแผลที่กระจกตาหรือเยือบุตา โดยเฉพาะถ้ามีขนาดเล็กแต่ลึก
  • มีจุดเล็กๆ บนกระจกตา ที่ดูเหมือนเป็นรอยทะลุ
  • รูม่านตาไม่เป็นวงกลม อาจมีรู้รั่วจากม่านตา
  • พบสิ่งแปลกปลอมในช่องหน้าลูกตาหรือวุ้นตา
  • มีแผลเข้าแต่ไม่มีแผลออก ซึ่งเป็นลักษณะของสิ่งแปลกปลอมฝังอยู่ในลูกตา

                    2.สารเคมีเข้าตา (Chemical Burn)

                    วิธีการรักษาในโรงพยาบาล ให้ยาป้องกันการติดเชื้อและลดอักเสบ: ยาปฏิชีวนะหยอดตา, ยาขยายม่านตาเพื่อบรรเทาอาการปวด, และยาสเตียรอยด์หยอดตา (ในบางกรณี) ,การลดความต้นลูกตา ด้วยการใช้ยา Acetazolamide หรือ Timolol ,ติดตามอาการภายใน 48-72 ชั่วโมง และกรณีที่เป็นรุนแรง อาจต้องมีการผ่าตัดร่วมด้วย เช่น เย็บปิดเปลือกตา, การนำเยื่อหุ้มรกมาแปะแผลเพื่อลดการอักเสบ การปลูกถ่ายกระจกตา (ในกรณีที่เกิดแผลเป็นรุนแรง)

                    3.ภาวะเลือดออกหลังลูกตาจากอุบัติเหตุ

                    เกิดจากการกระแทกบริเวณรอบตาอย่างรนแรง เช่น โดนของแข็งกระแทกใบหน้า หรือหลังการผ่าตัดตาบางประเภท ส่งผลให้มีเลือดสะสมหลังลูกตาภายในเบ้าตา ทำให้ความดันในเป้าตาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

                    อาการที่สามารถพบได้

  • ตาโปนเฉียบพลัน
  • ปวดตาอย่างรุนแรง
  • ตามัวหรือมองไม่เห็นทันที
  • ตาขยับไม่ได้
  • รูม่านตาขยาย ไม่ตอบสนองต่อแสง

                    วิธีดูแลรักษาเบื้องต้น ห้ามกดหรือนวดตา ประคบเย็นเบาๆ รอบดวงตา โดยที่ห้ามกดลงน้ำหนัก นอนศีรษะสูง รีบนำส่งโรงพยาบาลทันที ภายใน 60-90 นาทีแรก ซึ่งมีความสำคัญต่อการรักษามาก

                    4.ท่อทางเดินน้ำตาฉีกขาด เกิดจากของมีคมบาดบริเวณหัวตา เช่น โดนเล็บช่วน, โดนสัตว์เลียงกัด, หรือล้มกระแทกมุมโต๊ะส่งผลให้ท่อทางเดินน้ำตาที่ช่วยระบายน้ำตาสู่จมูกเกิดการฉีกขาด

                    วิธีดูแลรักษาเบื้องต้น ล้างแผลด้วยน้ำสะอาด หรือน้ำเกลือใช้ผ้าสะอาดซับเบาๆ หลีกเลี่ยงการขยี้หรือถูรอบดวงตา และรีบพบจักษุแพทย์ภายใน 24-48 ชั่วโมง

                    อาการที่สามารถพบได้

  • แผลที่หัวตา (มุมด้านในของตา)
  • น้ำตาไหลไม่หยุด แม้ไม่มีอารมณ์เศร้า
  • ตาบวมแดง เจ็บบริเวณแผล
  • ถ้าไม่ได้ซ่อมท่อ อาจมีน้ำตาไหลเรื้อรังตลอดชีวิต

                    5.เส้นประสาทตาได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ เกิดจากอุบัติเหตุที่ศีรษะหรือหน้าผาก เช่น รถล้ม, ลื่นล้ม, ตกจากที่สูง, หรือโดนของแข็งกระแทกแรงๆทำให้เส้นประสาทตา ซึ่งทำหน้าที่ส่งภาพไปยังสมอง ได้รับการกระทบกระเทือน

                    อาการที่สามารถพบได้

  • มองไม่เห็น/มองเห็นลดลงทันทีหลังอุบัติเหตุ
  • เห็นภาพมัว ดำ เงา หรือมีจุดบอด
  • รูม่านตาตอบสนองแสงน้อยลง
  • อาจมีอาการปวดรอบตา

                    วิธีดูแลรักษาเบื้องต้น หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวศีรษะมากเกินไป รีบนำส่งโรงพยาบาลใหญ่ที่มีจักษุแพทย์และ เครื่อง CT/MRI

                    6.กระดูกฐานเบ้าตาร้าวจากอุบัติเหตุ พบในผู้ที่ได้รับแรงกระแทกบริเวณลูกตา เช่น โดนหมัด, ลูกบอล, กระแทกประตู ทำให้กระดูกบางๆ ใต้ลูกตาแตก ทำให้ตา “ยุบลง” หรือ “กล้ามเนื้อตาถูกหนีบ”

                    วิธีดูแลรักษาเบื้องต้น หลีกเลี่ยงการสั่งน้ำมูกแรง ๆ ประคบเย็นเบา ๆ รอบตา ห้ามนวดหรือกดบริเวณเบ้าตา นอนศีรษะสูง และพบแพทย์เพื่อทำ CT scan

                    อาการที่สามารถพบได้

  • ตาบวม ฟกช้ำรอบตา ตาลึกลงกว่าข้างตรงข้าม
  • มองเห็นภาพซ้อน โดยเฉพาะเวลาเงยหน้าหรือมองขึ้น
  • เคลื่อนไหวลูกตาได้ไม่เต็มที่, รู้สึกชาใต้ตาหรือบริเวณแก้ม
  • ในเด็ก อาจมีอาการคลื่นไส้, อาเจียน ร่วมด้วย

                    เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์?

  • อุบัติเหตุที่เกี่ยวกับดวงตาไม่ควรมองข้าม แม้จะดูเป็นแผลเล็ก ๆ หรือไม่มีเลือดออกชัดเจน
  • หากคุณมีอาการต่อไปนี้ หลังอุบัติเหตุเกี่ยวกับดวงตา
  • มองไม่เห็น/เห็นลดลง เห็นภาพซ้อน
  • ปวดตารุนแรง เคลื่อนไหวลูกตาไม่ได้
  • น้ำตาไหลไม่หยุด ตาโปน ตาบวม ตาลึก
  • ให้รีบพบจักษุแพทย์ทันที เพื่อป้องกันการสูญเสียการมองเห็นอย่างถางถาวร
  • การดูแลอย่างทันท่วงที่ช่วยลดโอกาสตาบอดถาวรได้อย่างมาก
Shares:
QR Code :
QR Code