5 เคล็ดลับยอดคุณพ่อ
เรื่องโดย อาภาวรรณ โสภณธรรมรักษ์ team content www.thaihealth.or.th
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพและเฟสบุ๊กทนงศักดิ์ ศุภทรัพย์
วันที่ 5 ธันวาคมปีนี้นอกจากจะเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของในหลวงรัชกาลที่ 9 แล้วในปีที่ผ่านๆ มา ยังถือว่าเป็นวันพ่อแห่งชาติ ที่ลูกๆ ได้ระลึกถึงพระคุณของพ่อ มีพ่อหลายๆ คนที่นับว่าเป็นบุคคลต้นแบบ หรือเป็นฮีโร่ให้กับลูกๆ ทีมเว็บไซต์ สสส. ขอนำเสนอเรื่องราวของคุณพ่อตัวอย่าง ที่เป็นทั้งดารา นักแสดง และนักกีฬา ที่เป็นแบบอย่างให้กับประชาชน
“ทนงศักดิ์ ศุภทรัพย์” ดารานักแสดงที่มากความสามารถ รับบทในวงการบันเทิงมาแล้วหลายบทบาท และในชีวิตยังทำหน้าที่ที่เป็นทั้งพ่อและแม่ ต้นแบบของนักวิ่ง นักจิตอาสา ฯลฯ เล่าย้อนให้ฟังในครั้งที่อดีตภรรยายังมีชีวิตอยู่ว่า
ผมทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัว คือทำงานเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว ในขณะเดียวกันการดูแลลูกก็จะเป็นหน้าที่ของภรรยา ซึ่งจะผลัดกันไปส่งลูกที่โรงเรียน แต่ถ้ามีกิจกรรมที่เกี่ยวกับครอบครัวผมก็จะไปร่วมด้วย ไปเล่นละครบ้าง ไปบรรยายบ้างในฐานะของคุณพ่อ จนกระทั่งภรรยาป่วย ผมจึงต้องหันกลับมาทำหน้าที่แทนภรรยา เพื่อให้เขารักษาอาการป่วยของตัวเองให้เต็มที่ ช่วงนี้จึงทำให้รู้ว่าการเลี้ยงลูกด้วยเหตุผล หรือการมีระเบียบวินัยนั้น จะต้องเติมเต็มไปด้วยความรัก ความเอาใจใส่ ทำให้เราได้เรียนรู้ว่าการเลี้ยงลูกด้วยความรักจริงๆ มันคืออะไร ใส่ใจรายละเอียดชีวิตของลูกมากขึ้น เช่น พาไปซื้อของใช้ เย็บผ้าให้ลูก ทำกับข้าวให้กิน สอนการบ้าน ฯลฯ
“สำหรับคุณพ่อคุณแม่เรื่องทัศนคติในการเลี้ยงลูกเป็นเรื่องสำคัญ ต้องเลี้ยงเขาด้วยความสมดุลทั้งความรักและการใช้เหตุผล ผสมผสานความเป็นพ่อและแม่ลงไปในการสอน ที่สำคัญคุณพ่อต้องเริ่มทำด้วยตนเอง ทำให้ลูกเห็นและเป็นแบบอย่างที่ดี สำหรับผมเองเน้น 2 เรื่องใหญ่ คือ 1.ความรู้ในการเรียน เมื่อลูกขอเรื่องเรียนเท่าไหร่เท่ากันเต็มที่หมด เพราะความรู้และการเรียนรู้นั้นเป็นเสมือนปีกให้ลูกได้บินไปไกล 2.มีจริยธรรม คุณธรรม ผมบอกเค้าเสมอว่า ไม่ต้องทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนพ่อ แต่การตอบแทนพ่อได้นั้นคือการช่วยเหลือผู้อื่นในสังคม มีความกตัญญู ไม่เห็นแก่ตัว ตรงต่อเวลา มีความพอเพียง สิ่งเหล่านี้เป็นรากฐานที่ทำให้เขาไม่ล้มง่ายและมีความสุขแบบยั่งยืนในรอยทางนี้”
ทนงศักดิ์ กล่าวถึงบุคคลต้นแบบที่เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต และปรับใช้ในการเป็นพ่อที่ดีว่า แรงจูงใจเกิดจากการอ่านหนังสือและบทสัมภาษณ์บุคคลต้นแบบในสังคม นำข้อดีของบุคคลเหล่านั้นมาหลอมรวมจนเป็นตัวเรา
“ผมนำต้นแบบจากเจ้านายที่จริงใจ ทุ่มเทและมีความรับผิดชอบต่องานที่ทำมาเป็นแบบอย่างในการทำงาน ขณะเดียวกันในด้านงานละคร คุณนพพล โกมารชุน เป็นต้นแบบการทำงานของผม ที่มีความเป็นสุภาพบุรุษ เป็นคนทำงานที่มีคุณภาพ และวางตัวในสังคมได้ดี ถ้าเป็นงานทางจิตอาสาเพื่อสังคม ผมชื่อชอบ อ.ณรงค์ เทียมเมฆ ผู้ทรงคุณวุฒิแผนกิจกรรมทางกาย สสส. และ ศาสตราจารย์นายแพทย์อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม คือผู้บุกเบิกกระแสการวิ่งในเมืองไทย ทั้งสองเป็นบุคคลที่ทำเพื่อสังคม ในด้านการใช้ชีวิตสมถะคือ ปู่เย็น แก้วมะณี ที่แสดงให้เห็นถึงความพอเพียง สมถะ ร่ำรวยทางจิตวิญญาณและมีความสุขด้วยความพอเพียง สำหรับด้านการปฏิบัติธรรมะ ผมชื่นชอบและนับถือ ท่านพุทธทาสภิกขุ และ พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล พอเราเห็นแนวทางของแต่ละท่าน เราก็นำมาปรับใช้กับตัวเราเอง และเป็นแนวทางในชีวิตเรา”
ด้านการลด ละ เลิกอบายมุข ทนงศักดิ์ เล่าว่า ได้เลิกไปจนหมดสิ้นแล้ว เพราะถ้าหากปลายทางของชีวิตเราอยากมีสุขภาพดี ต้นทางก็ต้องดีด้วย นั่นหมายถึงการดูแลสุขภาพตัวเองที่ดี
“ถ้าปลายทางของการสูบบุหรี่ คือการเป็นมะเร็งปอด และถุงลมโป่งพอง เราก็เลือกที่จะไม่สูบไม่ยุ่งกับมัน ถือว่าเราโชคดีแค่ไหนที่ห่างไกลมันได้ ผมสอนลูกว่า ถ้าหากลูกดื่มแอลกอฮอล์แล้วโดนจับ นั่นไม่ใช่เพราะความซวยแต่เพราะเราเลือกเอง ลูกๆ ผมจึงไม่สูบบุหรี่หรือแทบไปสังสรรค์น้อยมาก เรานอนกันไวและตื่นแต่เช้าไปซ้อมวิ่งด้วยกันที่สนามกีฬา เพื่อฝึกวินัยให้ตัวเองและดูแลสุขภาพให้แข็งแรง”
นอกจากนี้ การสอนลูกให้รักสุขภาพ ทนงศักดิ์ ยังทำตนเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก ที่เห็นเด่นชัดที่สุดคือ การวิ่ง และนอกจากเป็นต้นแบบให้ลูกๆ แล้ว ยังเป็นต้นแบบนักวิ่งของวงการวิ่งประเทศไทยด้วย โดยจุดเริ่มต้นของการวิ่งนั้นมาจากการบนบาน โดยวิ่งจากกรุงเทพไปดอยตุง เพื่อให้อดีตภรรยาซึ่งป่วยเป็นมะเร็งหายป่วย แต่เธอก็เสียชีวิตลงในเวลาต่อมา หลังจากนั้นเหลือเพียงการวิ่งเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้อดีตภรรยาแทนด้วยการวิ่ง 31 วัน จากที่เหนื่อยจนเลิกวิ่งในวันนั้น ก็ได้ออกวิ่งและทำจิตอาสาเพื่อสังคมจนถึงทุกวันนี้ ก็นับเป็นเวลาสิบกว่าปี
“สิ่งหนึ่งที่ผมเน้นในการสอนลูกคือ การมีวินัย โดยใช้กีฬามาเป็นตัวฝึก สำหรับลูกคนโต เล่นกีฬาฟุตบอล คนกลาง เล่นเปตองและเป็นนักกีฬาโรงเรียน และคนเล็กเล่นเปตองเช่นกัน ผมมีโอกาสเป็นโค้ช หรือผู้จัดการทีมให้ลูกบ้างในการซ้อมกีฬาที่เขารักและใช้เวลาอยู่กับเขา เมื่อโตขึ้นลูกทั้ง 3 คน ยังรักการวิ่งด้วย เมื่อเขาเห็นผมทำ พวกเขาก็ทำตามและเมื่อได้ลองมาสัมผัสสังคมวิ่งด้วยตนเองแล้ว ทำให้เขาเห็นคุณค่าของการวิ่ง ได้เพื่อน ได้สุขภาพ ได้วันเวลาที่ยาวนานขึ้น ได้วินัย ได้สุขภาพที่แข็งแรงด้วย”
คงเป็นเรื่องชินตาสำหรับนักวิ่งที่จะเห็น ‘ทนงศักดิ์’ รับหน้าที่เป็นพิธีกรงานวิ่งทุกๆ อาทิตย์ แม้งานจะเยอะ แต่ก็ยังแบ่งเวลาของตัวเองเพื่อทำงานด้านจิตอาสาต่างๆ เขาเล่าย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้วว่า อยากส่งต่อเรื่องวิ่งและสุขภาพให้กับคนในสังคม ก็มองหาภาคีต่างๆ มากมาย จนพบ สสส. ที่มีเป้าหมายเดียวกันคือส่งเสริมสุขภาพของประชาชน
“สสส.เป็นองค์กรที่ทุกคนมีความตั้งใจและเป็นแบบอย่างให้กับตัวผมเอง คนทำงานต่างมาประชุมกันมากมาย และลงมือทำงานกันอย่างหนักเพื่อประชาชน ผมเองเป็นดาราเวลาทำอะไรก็มีคนรู้คนเห็นในสิ่งที่ทำ แต่คณะทำงานของ สสส.อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงสุขภาพคนไทยและลงมือทำอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ต่อสู้กับองค์กรมากมายที่พยายามทำให้สุขภาพคนไทยไม่ดี ทำสิ่งที่พัฒนาสังคม และผมเองก็โชคดีมากที่ได้ร่วมงานเป็นจิตอาสากับทาง สสส. ผมส่งต่อสิ่งเหล่านี้ไปยังลูกๆ ชักชวนมาเป็นจิตอาสา และถ่ายทอดเรื่องราวเช่นนี้ไปยังพวกเขา เพื่อให้เป็นพลังชีวิตในการทำงานเพื่อสังคม”
นอกจากนี้แล้ว กิจกรรมหนึ่งที่นับได้ว่ากระตุ้นวงการวิ่งให้นักวิ่งมีจิตอาสาโดยมี ‘ทนงศักดิ์’ และ ‘อิทธิพล’ ผู้ดูแลเพจ 42.195 ร่วมกันทำคือกิจกรรมBogie99 running challenge ที่ชวนนักวิ่งรวมตัววิ่งต่อกันเป็นขบวนรถไฟระยะทาง 5 กม. และส่งต่อคำท้าไปยังกลุ่มอื่นๆ นอกจากได้สุขภาพแล้ว กิจกรรมนี้ยังระดมทุนช่วยเหลือเด็กชาวไทยภูเขาที่วัดห้วยปลากั้ง จ.เชียงราย นับว่าเป็นการทำจิตอาสาที่ยิ่งใหญ่แห่งปีในวงการวิ่งก็ว่าได้
เคล็ดลับของยอดคุณพ่อทั้ง 5 ด้านนี้เอง ไม่ว่าจะเป็นทั้งพ่อและแม่ หาแรงจูงใจลด ละ เลิก อบายมุข สอนลูกให้รักสุขภาพ และจิตอาสา ที่ทนงศักดิ์ปฏิบัติมาโดยตลอดนี้ ทำให้เป็นที่รักของประชาชนและเป็นต้นแบบที่ดีควรเป็นแบบอย่าง