5 ปฏิบัติการ สู่การรู้หนังสือแรกเริ่ม
เรื่องโดย : ปรภัต จูตระกูล Team Content www.thaihealth.or.th
ผู้ให้สัมภาษณ์ : นางสุดใจ พรหมเกิด ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส.
ข้อมูลบางส่วนจากหนังสือ มหัศจรรย์ห้องสมุดเด็กปฐมวัย ยุทธวิธีสร้างสรรค์เพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว และนางจันทร์เพ็ญ สินสอน ผู้ก่อตั้งบ้านเรียนเด็กพระคุณ ในงานเสวนา “Best Practice Reading Talk”
ภาพประกอบโดย : นัฐพร ชุ่มลือ Team Content www.thaihealth.or.th และแฟ้มภาพ
5 ปฏิบัติการ สู่การรู้หนังสือแรกเริ่ม
“พี่จะทำยังให้ลูกของพี่รักการอ่านดี? เพราะพี่ก็ไม่ชอบที่จะอ่าน” คำถามจากพี่สาวที่กำลังตั้งครรภ์ฉุกให้คิดตามว่า ‘หากพ่อแม่ที่ไม่ชอบอ่าน แต่ต้องการจะให้ลูกน้อยรักการอ่าน ควรจะทำอย่างไร?’
สิ่งที่ได้ตอบกลับไปคือการเล่าเรื่องราวชีวิตของตนเอง ที่เติบโตมากับคุณยายและไม่มีพ่อแม่คอยอ่านหนังสือให้ฟัง แต่คุณป้าเป็นผู้ที่จุดพลังแห่งการอ่านด้วยการหยิบยื่นหนังสือเล่มแรกให้เป็นของขวัญวันเกิด หลังจากได้เริ่มอ่านก็รู้สึกรักและหลงใหลในหนังสือจึงเริ่มหาเรื่องที่สนใจมาอ่านด้วยตนเอง เมื่อครอบครัวเห็นถึงความรักการอ่าน จึงเริ่มเข้ามาช่วยสนับสนุนด้วยการพาไปงานสัปดาห์หนังสือฯ ซึ่งการสนับสนุนจากครอบครัวที่ไม่ได้รักการอ่านทำให้สามารถสร้างนิสัยรักการอ่านด้วยตัวเองมาจนถึงทุกวันนี้
“ลองหาหนังสือนิทานมาอ่านให้ลูกฟังดูสิ เพราะหนังสือนิทานถือเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ใกล้ตัวเด็กมากที่สุด เพียงแค่พลิกฝ่ามือก็สามารถเข้าถึงการเรียนรู้ได้ ผ่านภาพ ผ่านข้อคิดเตือนใจ และยังแฝงไปด้วยความรู้ในเรื่องต่าง ๆ ที่จะทำให้เด็กรู้จักความเมตตา มีน้ำใจ รู้จักให้อภัย” ข้อแนะนำนี้มาจากการพูดคุยกับ ‘พี่เจ’ นางสุดใจ พรหมเกิด ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. ที่แนะนำเพิ่มเติมว่า คุณพ่อคุณแม่ควรทำตัวเป็นต้นแบบที่ดีให้กับเด็ก ผู้ใหญ่ต้องอ่านให้เด็กฟังตั้งแต่อยู่ในท้อง เพราะเด็กทารกสามารถได้ยินเสียงต่าง ๆ ได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 6 เดือน และเสียงที่เด็กได้ยินมากที่สุดคือเสียงจากพ่อแม่ หากในช่วงเวลานี้ พ่อและแม่อ่านหนังสือนิทานให้ลูกน้อยฟัง ด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะอ่อนโยน ก็จะทำให้เด็กมีจิตใจที่อ่อนโยนตั้งแต่เล็กจนโต
“การอ่านเป็นอาหารสมอง ช่วยให้เด็กคิดเชื่อมโยง คิดวิเคราะห์ ได้เสพศิลปะผ่านหนังสือนิทาน ผ่านภาพมีความงดงาม และเนื้อเรื่อง ถ้อยคำสอดแทรกคุณธรรมจริยธรรม” ‘พี่เจ’ บอกด้วยรอยยิ้ม
การรู้หนังสือแรกเริ่ม (early literacy) คือสิ่งที่เด็กรับรู้เกี่ยวกับการอ่านและเขียน ก่อนที่เด็กปฐมวัยจะอ่านหรือเขียนได้ เมื่อเด็กน้อยมีทักษะการรู้หนังสือเบื้องต้นที่แข็งแรง เขาก็พร้อมสู่การเรียนรู้ที่จะ ‘อ่านหนังสือ’ ต่อไป
จากประสบการณ์ของตนเอง ที่พ่อแม่ไม่ได้ปลูกฝังการอ่านตั้งแต่ต้น แต่การรู้หนังสือและหันมาสนใจการอ่านอย่างจริงจัง ก็ทำให้ปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘การอ่านคือจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้’ หากเราอ่านออก เขียนได้ การเรียนรู้ด้วยตนเองก็สามารถดำเนินได้ต่อไป แต่ผู้ที่จะมาจุดประกายให้เด็กรู้จักหนังสือ รู้จักการอ่านเขียน บุคคลแรกควรเป็นพ่อแม่หรือผู้ปกครอง โดยวันนี้ทีมเว็บ สสส. ขอนำเสนอ 5 ปฏิบัติการ สู่การรู้หนังสือแรกเริ่ม เพราะการรู้หนังสือของเด็ก เริ่มที่การสนับสนุนจากผู้ใหญ่ที่พร้อมจะให้เด็กเริ่มอ่าน
ปฏิบัติการข้อที่ 1 : พูดคุยกับลูกน้อยอย่างใกล้ชิด
สบสายตาและแสดงการโต้ตอบกับเด็ก เมื่อทารกหรือเด็กวัยเตาะแตะทำเสียงใด ๆ ตอบ ให้แสดงการโต้ตอบในเชิงบวก
ปฏิบัติการข้อที่ 2 : เล่นร่วมกับเด็ก
ไม่มีของเล่นใดจะดีไปกว่าการที่ผู้ใหญ่ร่วมเล่นด้วย การเล่นซ่อนหา เล่นสมมติ ต่อบล็อก ระบายสี เล่นรถ รวมถึงการเล่นนอกบ้าน การเล่นต่าง ๆ นี้จะช่วยพัฒนาทักษะเริ่มต้นอ่านเขียนของเด็กได้หลากหลาย
ปฏิบัติการข้อที่ 3 : ร้องเพลงกับลูก
เพลงกล่อมเด็กจะช่วยสร้างความผูกพันในครอบครัว ในขณะเดียวกันก็เป็นการช่วยพัฒนาทักษะการรู้หนังสือแรกเริ่มที่สำคัญหลายด้าน การร้องเพลง ฟังเพลงด้วยกัน รวมถึงเต้นตามจังหวะไปด้วย
ปฏิบัติการข้อที่ 4 : อ่านหนังสือภาพให้ลูกฟังทุกวัน
ถ้าหนูน้อยยังนั่งไม่ได้หรือไม่ยอมอยู่นิ่ง ๆ ขณะที่เราอ่านหนังสือให้ฟังก็อย่ากังวล เด็กเล็กสามารถฟังในขณะที่พวกเขาเคลื่อนไหวไปมาได้ ไม่จำเป็นต้องอ่านทั้งเล่มให้จบทีเดียว แต่อ่านในช่วงสั้น ๆ หลาย ๆ ที และหลาย ๆ ที่ก็ยังได้ เช่น ตอนอาบน้ำก็อ่านหนังสือที่ลอยในน้ำได้ นั่งรออาหารในร้าน ก่อนนอน และอย่าลืมว่าต้องมีเวลาอ่านนิทานเป็นกิจวัตรแห่งความสุขหรรษาร่วมกันอยู่เสมอ
ปฏิบัติการข้อที่ 5 : แสดงให้ลูกเห็นถึง ‘โลก’ รอบ ๆ ตัว
ชี้ไปที่สี รูปทรง ตัวอักษรและรูปแบบต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวเรา ไม่ช้าไม่นานเด็กน้อยจะเป็นผู้ชี้สิ่งเหล่านั้นกลับมาบอกเรา
“หนังสือนิทานจะสอดแทรกความรู้แบบเนียนๆ ผ่านภาพที่สื่อให้เด็กเรียนรู้วันละนิดวันละน้อย การอ่านหนังสือให้เด็กฟัง ไม่ใช่การสอน หรือสะสมบรรยากาศที่เครียด แต่การอ่านที่แท้จริงคือบรรยากาศของความสุข ความรื่นรม ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส” ‘แม่อ๋วน’ นางจันทร์เพ็ญ สินสอด ผู้ก่อตั้งบ้านเรียนเด็กพระคุณ จังหวัดสุรินทร์ เป็นอีกหนึ่งเสียงที่ออกมายืนยันถึงประโยชน์ในการปลูกฝังให้เด็กปฐมวัยรักการอ่านผ่านเวทีเสวนา “Best Practice Reading Talk” เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2562 ในงานกิจกรรมเปิดตัวเครือข่าย ‘READ for Thailand : อ่านสร้างคน คนสร้างชาติ’ การขับเคลื่อนงานพัฒนาทุนมนุษย์ ด้วยฐานพลังการอ่านในเด็กปฐมวัย ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
‘แม่อ๋วน’ บอกว่า พ่อแม่ที่ไม่ชอบอ่านต้องเปลี่ยนแปลง เพราะเด็กต้องการพ่อแม่ที่เป็นตัวจริง ทำกิจกรรมด้วยกัน การจะทำให้ลูกรักการอ่านต้องเริ่มด้วยการอ่านให้ลูกฟังวันละ 10-15 นาที นอกจากนี้ การพัฒนาของเด็กต้องเสริมด้วยการเล่น โดยเฉพาะการปีนป่าย ที่จะทำให้กล้ามเนื้อทุกส่วนพัฒนา การช่วยงานบ้านจะช่วยให้เด็กอดทนต่องานหนัก
‘แม่อ๋วน’ อธิบายเพิ่มว่า “งานบ้านมีขั้นตอนของมัน แต่ความสะอาดไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ แต่แค่อยากจะให้เด็กรู้จักขั้นตอนและเริ่มต้นกระบวนการทำงานบ้านด้วยความสุขตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ได้โฟกัสที่ความสะอาดเพียงอย่างเดียว เพราะการเรียนรู้สำคัญกว่า ยิ่งไปกว่านั้นต้องทำทุกวันให้มีความสุข”
มีการค้นพบว่า เด็กที่มีทักษะทางภาษาดีจะมีความจำที่ดีกว่า เพราะสามารถเรียบเรียงและจัดเก็บข้อมูลเป็นภาษาที่ดีได้เป็นระบบมากกว่า ที่สำคัญที่สุดคือ การที่พ่อแม่ใช้เวลาอ่านหนังสือให้ลูกฟัง เป็นการสร้างสายใยรักในครอบครัว เด็กจะรู้สึกถึงความรักและความผูกพันจากพ่อแม่ ทำให้เขาเป็นคนมีความมั่นใจ และมีพื้นฐานที่ดีในการพัฒนาศักยภาพของตัวเองต่อไปในอนาคต
บทบาทที่สำคัญของผู้ใหญ่คือ การสร้างประสบการณ์เริ่มต้นด้านบวกต่อหนังสือให้กับเด็ก นี่คือพลังอันยิ่งใหญ่ของการรู้หนังสือแรกเริ่มของเด็กปฐมวัย และนี่คือปฐมบทของการอ่านเขียนที่จะพัฒนาไปในภายภาคหน้าของเด็กน้อย โดยแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สนับสนุนให้เกิดพฤติกรรมการอ่านให้เข้าถึงเด็ก เยาวชน และครอบครัว โดยเฉพาะกลุ่มที่ขาดโอกาสในการเข้าถึงหนังสือ และกลุ่มที่มีความต้องการพิเศษ เพื่อสร้างเสริมให้เกิดพฤติกรรมและวัฒนธรรมการอ่านเพื่อสังคมสุขภาวะที่ดี
อ่านบทความเกี่ยวกับการอ่านเพิ่มเติมได้ที่
- เมื่อเด็ก ‘รักการอ่าน’ จะได้อะไรมากกว่าที่คิด http://bit.ly/2IaUUyz
- การ 'อ่าน' ดีกับลูกอย่างไร? http://bit.ly/2TU99Kj
- 9 เทคนิคปลูกฝังการอ่าน สู่อนาคตเด็กไทย http://bit.ly/2YOFTIT