5 นักการเมืองรุ่นใหม่ ประชันนโยบายเด็กเยาวชน
ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข
ภาพโดย สสส.
5 นักการเมืองรุ่นใหม่ ประชันนโยบายเด็กเยาวชน ด้านสภาเด็กฯ ประกาศเจตนารมณ์ต้อง “เด็กคิด เด็กทำ เด็กนำ ผู้ใหญ่หนุน” โพลล์ชี้โจ๋ไทย 42% อยากให้รัฐบาลใหม่ เร่งสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้เด็กมากที่สุด พร้อมขอช่วยเปิดพื้นที่เรียนรู้ “ปิดเทอมสร้างสรรค์”
เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2562 ณ ลานกิจกรรมชั้น LG สยามสแควร์วัน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดเวทีแสดงนโยบายด้านเด็ก และเยาวชน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ “มุมมอง NEW GEN พรรคการเมือง กับเรื่องปิดเทอมสร้างสรรค์” โดยมีผู้แทนกลุ่มคนรุ่นใหม่ของพรรคการเมืองร่วมแสดงวิสัยทัศน์ ประกอบด้วย นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์, นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย, ดร.ไกรเสริม โตทับเที่ยง ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ, น.ส.กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ รองหัวหน้าพรรค พรรคอนาคตใหม่, น.ส.เยาวภา บุรพลชัย ผู้สมัคร ส.ส.พรรคชาติพัฒนา
โดย ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า โครงการปิดเทอมสร้างสรรค์ เกิดขึ้นเพราะเชื่อในศักยภาพของเด็กและเยาวชน ที่เป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติ จึงร่วมกับภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม รวมกิจกรรมและพื้นที่สร้างสรรค์ ให้เด็กเยาวชน เข้าถึง รวมถึงตำแหน่งงานตามความสนใจ ผ่าน www.ปิดเทอมสร้างสรรค์.Com หรือ Happyschoolbreak.com เพื่อ ให้เด็กเยาวชนใช้เวลาว่างช่วงปิดภาคเรียน มาเปิดโลกการเรียนรู้ ค้นหาตัวตน สร้างเสริมศักยภาพ เตรียมความพร้อม และพัฒนาทักษะในทุกด้าน
“ผลสำรวจของยูรีพอร์ต ที่สำรวจเด็กและเยาวชน 1,882 คน พบ เกือบครึ่งรู้สึกว่าชุมชนที่ตนอาศัยอยู่ไม่ปลอดภัย และ 35% เห็นว่าชุมชนที่ตนอาศัยอยู่มีพื้นที่สร้างสรรค์น้อย โดยเยาวชน 12% ไม่มีโอกาสมีส่วนร่วมในพื้นที่และสื่อสร้างสรรค์ เนื่องจากไม่ทราบช่องทางการเข้าถึง ทั้งนี้ข้อเสนอของเยาวชน 42% อยากให้รัฐบาลเร่งสร้างพื้นที่ปลอดภัยแก่เด็ก และเยาวชนมากที่สุด จึงเป็นที่มาของการจัดเวทีครั้งนี้ เพื่อส่งต่อข้อมูล สะท้อนความคิดเห็น ขณะเดียวกันได้รับฟังแนวคิด นโยบายของผู้สมัครทั้ง 5 ท่าน ที่จะนำความคิด ความเห็นไปแปลงเปลี่ยนเป็นนโยบาย และทำให้คำว่า “นโยบาย” เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้จริง” ดร.สุปรีดา กล่าว
ด้าน นายธีระศักดิ์ เพ็งยิ้ม ผู้ช่วยประธานสภาพเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย และน.ส.ศิริโชค เทพมณี สมาชิกสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยเครือข่ายเยาวชน ร่วมประกาศเจตนารมณ์ “แสดงพลังเด็กเยาวชน เพื่อร่วมสร้างสรรค์ประเทศไทย” ว่า สภาเด็กและเยาวชนฯ เป็นศูนย์กลางในการเคลื่อนงานด้านเด็กเยาวชนในทุกพื้นที่ 8,780 แห่งทั่วประเทศ ดังนั้นขอให้พรรคการเมืองที่เข้ามาบริหารและมีอำนาจกำหนดนโยบายในอนาคต ตระหนักถึงความสำคัญของเด็กและเยาวชน เปิดรับการแสดงความคิดเห็นและการตัดสินใจ โดยมีผู้ใหญ่เป็นที่ปรึกษา ภายใต้แนวคิด “เด็กคิด เด็กทำ เด็กนำ ผู้ใหญ่หนุน” รวมทั้งทำให้เรื่องของการพัฒนาเด็ก และเยาวชนเป็นวาระแห่งชาติ พร้อมสนบสนุนให้เกิดกิจกรรมดีๆ ในช่วงปิดภาคเรียน เพื่อพัฒนาทักษะชีวิตทุกด้าน
น.ส เยาวภา บุรพลชัย พรรคชาติพัฒนา (ชพน.) กล่าวถึงการจัดกิจกรรม ‘ปิดเทอมสร้างสรรค์’ ว่า ต้องผลักดันค่ายเยาวชน เพราะส่วนตัวช่วงเป็นเด็กมีโอกาสไปค่ายกิจกรรมกีฬา ทำให้สร้างแรงบันดาลใจให้และสนใจเรื่องกีฬาให้กับตัวเองอย่างมาก ดังนั้น หากจัดค่ายกิจกรรมที่หลากหลายแล้วให้เด็กมีโอกาสเลือกไปค่ายตามที่สนใจไม่ว่าจะเป็นกีฬา ดนตรี ศิลปะ สิ่งแวดล้อมหรืออื่น ๆ ที่ทำแล้วไม่หนัก แต่มีความรู้ หรือในกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กแว้นก็จัดให้มีสถานที่ในการแข่งและเสริมความรู้เรื่องเครื่องจักรกล เป็นต้น เชื่อว่าจะทำให้เด็กเห็นคุณค่าในตัวเอง ไม่ว่าต้องเข้าไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่แย่อย่างไร ถ้าเขาเห็นคุณค่าตนเองก็จะไม่เข้าไปยุ่ง ที่สำคัญ ต้องให้หน่วยงานรัฐและเอกชนเข้ามาร่วมในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ และดึงพ่อแม่มาร่วมให้ได้ใช้เวลากับลูกด้วย
ทางด้านนายพริษฐ์ วัชรสินธุ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการปิดเทอมอย่างสร้างสรรค์ว่า จะต้องแยกตามความต้องการเด็กแต่ละช่วงวัย เด็กปฐมวัยและอนุบาลต้องมุ่งให้มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น เข้าใจเรื่องความสามัคคี ให้มีโอกาสใช้เวลากับครอบครัวมากขึ้น เพิ่มสถานที่สร้างสรรค์ที่ครอบครัวจะใช้เวลาร่วมกัน และเข้าถึงพื้นที่นั้น ๆ ได้ ส่วนระดับประถมศึกษา จะต้องให้ค้นพบสิ่งที่ตัวเองชอบด้วยการเพิ่มพื้นที่สร้างสรรค์ให้เรียนรู้ เปลี่ยนค่านิยมจากเดิมที่คิดว่าการประสบความสำเร็จในชีวิตจะต้องเรียนเก่งให้เป็นการประสบความสำเร็จในชีวิตมีหลากหลายรูปแบบ ขึ้นกับสิ่งที่ชอบและถนัด ในพื้นที่ออนไลน์ควรส่งเสริมให้มีการผลิตสื่อที่เนื้อหาสร้างสรรค์และดึงดูดความสนใจ ส่วนในระดับมัธยมศึกษาและอุดมศึกษาต้องทำให้เห็นอนาคต เช่น โครงการฝึกทำงานจริง และมีสัญญาว่าจ้างรอ
"ไม่ใช่แค่ปิดเทอมสร้างสรรค์แต่ต้องเน้นที่เวลาว่างสร้างสรรค์ที่สามารถจัดให้มีได้ทุกวันและทำอย่างต่อเนื่อง ให้เด็กเลือกทำกิจกรรมตามที่ชอบ” ดร.ไกรเสริม โตทับเที่ยง พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) บอกเล่าถึงความสำคัญของปิดเทอมสร้างสรรค์ว่า ต้องเปิดโอกาสให้เด็กรับรู้ว่ามีพื้นที่ที่เขาสามารถไปทำกิจกรรมที่สนใจที่ไหนบ้าง ซึ่งพปชร.จะสนับสนุนให้พื้นที่ในกทม.มี 50 สวนสาธารณะที่พร้อมให้เด็กไปทำกิจกรรม และ 50 พื้นที่สร้างสรรค์ ส่วนในกลุ่มเด็กโตขึ้นจัดกิจกรรม เช่น จิตสาธารณะ ฝึกงาน เรียนรู้สตาร์ทอัพต่าง ๆ เป็นต้น
ขณะที่ นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงช่วงปิดเทอมในต่างประเทศ ที่เมื่อเด็กมีเวลาว่างจะไปพิพิธภัณฑ์ศิลปะต่าง ๆ หรือหากสนใจดนตรีก็จะไปดูคอนเสิร์ต แต่สิ่งเหล่านี้ขาดไปในสังคมไทย จึงต้องการที่จะส่งเสริมให้มีศูนย์การเรียนรู้ที่ตรงกับสิ่งที่ต้องการและไม่มีสอนในร.ร. เช่น การแสดง การเต้น โดยให้ใช้พื้นที่ของร.ร.ในการสอนสิ่งเหล่านี้ในวันเสาร์-อาทิตย์และให้เด็กเลือกเรียนได้ตามที่สนใจ และภาครัฐควรจัดประกวดสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นเพื่อสร้างความภาคภูมิใจให้กับเด็กโดยไม่ต้องรอให้ภาคเอกชนดำเนินการ
น.ส.กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ พรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงช่วงเวลาปิดเทอมว่า ควรมีพื้นที่สร้างสรรค์ที่หลากหลายและเข้าถึงทุกกลุ่มอย่างแท้จริง สิ่งสำคัญคือการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นจัดสรรงบประมาณและออกแบบพื้นที่สร้างสรรค์ของตนเอง ให้เหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการของพื้นที่และตามช่วงวัย เช่น เด็กเล็กอาจให้มีสนามเด็กเล่น เด็กโตอาจมีห้องสมุดที่เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมต่าง ๆ อย่างหลากหลาย ช่วงม.ต้นอาจมีกิจกรรมแนะแนวอาชีพเพื่อให้ค้นพบตัวเอง โดยอาจจะให้เด็กไปเข้าร่วมฝึกฝนอาชีพที่สนใจเป็นเวลา 1 วัน เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการทำงานของอาชีพนั้น ๆ