4 วิธีเชิงรุกต้าน "โรคมะเร็ง" วันมะเร็งโลก 58

ขึ้นชื่อว่า “โรค” ย่อมมีหนทางป้องกันและรักษา เมื่อไม่อยากป่วย ถามตัวคุณเองหรือยังว่า เริ่มรักษ์สุขภาพแล้วหรือยัง?


4 วิธีเชิงรุกต้าน


ด้วยเหตุที่มีอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเป็นสาเหตุการตายของประชากรโลกมากเป็นอันดับต้นๆ องค์การอนามัยโลก (World Health Organization – WHO) และสมาพันธ์ควบคุมโรคมะเร็งสากล (Union for International Cancer Control – UICC) จึงร่วมกันกำหนดให้ทุกวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ของทุกปีเป็น วันมะเร็งโลก (World Cancer Day) เพื่อสร้างความตระหนักและเผยแพร่องค์ความรู้ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งให้ประชากรทั่วโลกนำไปปฏิบัติ เพื่อลดความเสี่ยงของการป่วยเป็นมะเร็ง


โดยในปี 2558 นี้ สมาพันธ์ควบคุมโรคมะเร็งสากลชูประเด็นในการรณรงค์ว่า “มะเร็งไม่ได้เหนือกว่าเรา” (Cancer Not Beyond Us) เน้น 4 กลยุทธ์ต้านมะเร็ง ได้แก่ สุขภาพดีเราเลือกได้ (Choosing healthy lives) มะเร็ง ค้นหาได้ (Delivering early detection) มะเร็งรักษาได้ เข้าถึงได้ (Achieving treatment for all) และเป็นมะเร็ง ก็มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ (Maximizing quality of life)


4 วิธีเชิงรุกต้าน


สถานการณ์ “มะเร็ง” ไทย


นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ถึงอุบัติการณ์ของของโรคมะเร็งในประเทศไทยว่า อัตราการเกิดโรคมะเร็งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉลี่ยมีผู้ป่วยรายใหม่ราว 120,000 คน/ ปี และโรคมะเร็งยังคงเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ของประเทศไทยนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 จนถึงปัจจุบัน


“การบริหารจัดการในปัจจุบันของประเทศไทย มีแนวโน้มที่ดีที่สามารถช่วยลดจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ลงได้ โดยมีการวางแผนทำงานกันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำตามแผนการป้องกันและควบคุมโรคมะเร็งแห่งชาติ (National Cancer Control Program) ทั้งแผนการป้องกันโรคมะเร็ง การตรวจคัดกรองโรค การวินิจฉัยโรค การรักษาโรค สารสนเทศมะเร็ง การวิจัยโรคมะเร็ง และการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการมากแล้ว ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”


ทั้งนี้ แต่ละเพศมีอัตราการเกิดโรคมะเร็งแตกต่างกัน โดย 5 อันดับมะเร็งของชายไทย ได้แก่ 1)มะเร็งตับและท่อน้ำดี 2)มะเร็งปอด 3) มะเร็งลำไส้ใหญ่ 4)มะเร็งต่อมลูกหมาก 5)มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ขณะที่ 5 อันดับมะเร็งของหญิงไทย ได้แก่ 1)มะเร็งเต้านม 2)มะเร็งปากมดลูก 3)มะเร็งตับและท่อน้ำดี 4)มะเร็งปอด และ 5) มะเร็งลำไส้ใหญ่


นอกจากนี้ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ของทั้งเพศชายและหญิงในประเทศไทยกำลังเพิ่มสูงขึ้นด้วย จากพฤติกรรมการบริโภคของคนไทยที่เปลี่ยนไปตามกระแสทางตะวันตก กินไขมันสูง ไม่กินผักและผลไม้ และขาดการออกกำลังกาย


“ส่วนหญิงรุ่นใหม่ที่ไม่ได้แต่งงาน หรือมีบุตรแล้วไม่ได้ให้ลูกกินนมแม่ ก็นับเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ผู้หญิงป่วยเป็นมะเร็งเต้านมมากขึ้นด้วย” คุณหมอกล่าว


4 วิธีเชิงรุกต้าน


4 แนวทางปฏิบัติตน ห่างไกลมะเร็ง


นพ.วีรวุฒิ ให้คำแนะนำพร้อมอธิบายถึง 4 กลยุทธ์ต้านมะเร็ง เนื่องในวันมะเร็งโลก ปี 2015 ของสมาพันธ์ควบคุมโรคมะเร็งสากล ให้ฟังดังนี้


1.สุขภาพดีเราเลือกได้ (Choosing healthy lives) ควรเลือกการมีพฤติกรรมที่ดีต่อสุขภาพโดยยึดหลัก 5 ทำ 5 ไม่ ห่างไกลมะเร็ง


“5 ทำ ได้แก่ ออกกำลังกายเป็นนิจ ทำจิตแจ่มใส กินผักผลไม้ กินอาหารหลากหลาย ตรวจร่างกายเป็นประจำ และ 5 ไม่ ได้แก่ ไม่สูบบุหรี่ ไม่มีเซ็กส์มั่ว ไม่มัวเมาสุรา ไม่ตากแดดจ้า ไม่กินปลาน้ำจืดสุกๆ ดิบๆ”


2.มะเร็ง ค้นหาได้ (Delivering early detection) ซึ่งเป็นประเด็นที่ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ พยายามจะบอกกับผู้ที่ยังไม่เริ่มป่วยว่า การตรวจสุขภาพเป็นประจำเป็นเรื่องสำคัญมาก ปัจจุบันคนป่วยที่มีอาการแล้วมาพบแพทย์ จะพบว่าเป็นมะเร็งในระยะที่ 3 หรือ 4 แล้วประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทำให้รักษาไม่ทัน ขณะที่พบอัตราการตรวจพบผู้ป่วยในระยะที่ 1 หรือ 2 มีเพียง 20 เปอร์เซ็นต์


“ตรงนี้ขอย้ำว่า ยิ่งตรวจพบเร็ว โอกาสในการรักษาให้หายจากโรคก็มีมาก การรณรงค์ให้คนไทยห่วงสุขภาพของตนเอง หมั่นตรวจสุขภาพ หากพบเร็วก็มีผลดีกับการรักษามากขึ้นเท่านั้น”


3.มะเร็งรักษาได้ เข้าถึงได้ (Achieving treatment for all) ตรงนี้หมายถึงการรักษาตามมาตรฐานทั่วไป ทั้งการทำคีโม การฉายแสง และการผ่าตัด นอกจากนั้นเป็นการรักษาที่ยังอยู่ในงานวิจัย เช่น การใช้ความร้อนความเย็น คลื่นวิทยุ เป็นต้น


“คนไทยทุกคนมีสิทธิในการรักษาตามสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สิทธิประกันสังคม และสิทธิของราชการ กล่าวคือทุกคนไม่ต้องไปรักษานอกสิทธิ ก็สามารถเข้าถึงการรักษาโรคได้”


4.เป็นมะเร็ง ก็มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ (Maximizing quality of life) คนที่เป็นแล้วในระยะลุกลาม เราจะให้ความสำคัญมากขึ้นทั้งกายใจ เพื่อส่งเสริมให้คนไข้มีคุณภาพชีวิตที่ดี


“ในผู้ป่วยระยะสุดท้ายจะมีปัญหาเรื่องอาการปวด ตรงนี้จะมีระบบในการให้ยาที่ดีขึ้น เพื่อลดอาการปวดของผู้ป่วย (pain clinic)  ส่งทีมเยี่ยมบ้าน พร้อมให้ความรู้แก่ญาติในการดูแลผู้ป่วย ให้ผู้ป่วยจากไปอย่างสงบและเป็นสุขในช่วงเวลาสุดท้าย” คุณหมอให้ข้อมูลทิ้งท้าย


 


 


เรื่องโดย : ชัชวรรณ ปัญญาพยัตจาติ Team Content www.thaihealth.or.th


ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต 

Shares:
QR Code :
QR Code