3 ผักอุดมวิตามินเอ บำรุงดวงตา

ที่มา :  MGR Online


3 ผักอุดมวิตามินเอ บำรุงดวงตา thaihealth


          กรมแพทย์แผนไทยแนะ 3 ผักวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงดวงตา ชี้ผักบุ้งช่วยลดอาการปวดดวงตา แสบตาจากการใช้งานหนัก ตำลึงช่วยบำรุงสายตาช่วยการมองเห็น ฟักทองช่วยสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์เก่า แนะใช้คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟนเกิน 30 นาทีต้องพักสายตา


          นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า วันสายตาโลก (World Sight Day) ตรงกับวันพฤหัสบดีสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนตุลาคมของทุกปี ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 12 ต.ค. 2560 ทั้งนี้ จากสถิติรายงานโรคตาของราชวิทยาลัยจักษุแพทย์ พบว่า โรคทางตาที่พบมากขึ้นในสังคมไทย คือ การติดเชื้อที่กระจกตาจากคอนแทคเลนส์และโรคคอมพิวเตอร์วิชันซินโดรม ซึ่งมีแนวโน้มจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนผลสำรวจล่าสุดเกี่ยวกับสาเหตุของการตาบอดและสายตาเลือนลางในประเทศไทยพบปัญหา 4 อันดับแรก คือ 1. โรคต้อกระจก (69.7%) 2. โรคทางจอประสาทตา (13.2%) 3. โรคต้อหิน (4%) และ 4. ความผิดปกติทางสายตา (4%)


          "เป็นที่ทราบกันดีว่า วิตามินเอมีหน้าที่ช่วยในการมองเห็น การเจริญเติบโตของกระดูก การแบ่งตัวของเซลล์ การกระตุ้นภูมิคุ้มกันเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรค ซ่อมแซมผิวของตาและหลอดลม ทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายยากขึ้น และยังกระตุ้นให้เซลล์เม็ดเลือดขาว ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยประชาชนส่วนใหญ่จะมองข้ามวิตามินเอที่มีอยู่ในผัก ผลไม้ โดยเฉพาะผักพื้นบ้านของไทยที่หาง่ายมีสรรพคุณบำรุงสายตา เช่น ผักบุ้ง ซึ่งมีสารอาหารหลายชนิด จุดเด่นของผักบุ้ง คือ มีวิตามินเอสูง" นพ.เกียรติภูมิ กล่าว


          นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า การรับประทานผักบุ้งเป็นประจำจะลดอาการปวดดวงตา ลดอาการแสบตาที่เกิดจากการใช้ดวงตาหนักๆ ได้เป็นอย่างดี ส่วนตำลึง สมุนไพรริมรั้ว คู่ครัวไทย จุดเด่นของตำลึงอยู่ที่มีสรรพคุณในด้านการบำรุงสายตา ช่วยบำรุงสายตาถนอมสายตาให้มีสุขภาพดี ช่วยในการมองเห็นอีกด้วย ด้านฟักทอง นั้นเป็นพืชที่มีคุณค่าทางอาหารสูงชนิดหนึ่ง เนื้อฟักทอง มีวิตามินเอสูง บำรุงดวงตา และสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์เก่าที่เสื่อมสภาพได้ นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ประชาชนสามารถซื้อหามาปรุงเป็นอาหารได้เองตามวิถีชีวิตปกติ


          "อยากให้ประชาชนตระหนักถึงสุขภาพตา หลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่างๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อดวงตา เช่น ไม่ควรใช้คอมพิวเตอร์ หรือสมาร์ทโฟน เกิน 25-30 นาที ต้องพักสายตาอย่างน้อย 1-5 นาที ควรดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อให้ดวงตามีความชุ่มชื้น และพักผ่อนนอนหลับ 6-8 ชั่วโมง เพื่อให้ประสาทตาได้พักการใช้งาน" นพ.เกียรติภูมิ กล่าว

Shares:
QR Code :
QR Code