3อ.เติมสุขภาพดี ลดโอกาส ‘สมองเสื่อม’

ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์


ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ


3อ.เติมสุขภาพดี ลดโอกาส 'สมองเสื่อม' thaihealth


แฟ้มภาพ


แนะผู้สูงวัย ยึดหลัก 3 อ. คือ อาหาร  อารมณ์และออกกำลังกาย ป้องกันภาวะสมองเสื่อม


"หากออกจากบ้านแล้วลืมกุญแจ หรือจอดรถแล้วไม่แน่ใจว่าล็อกรถหรือยัง ไม่ถือเป็นภาวะสมองเสื่อม การลืมกุญแจบ้านเป็นเพราะไม่มีวินัย วางไม่เป็นที่ ส่วนล็อกรถเป็นเพราะสมองยังไม่ได้บันทึกสิ่งนั้นไว้ ไม่ได้เป็นการลืม ซึ่งการลืมในภาวะสมองเสื่อมจะเป็นการลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเวลายาวๆ ลืมทั้งเหตุการณ์ และจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ช่วง 2-3 วัน 1 สัปดาห์หรือ 1 เดือน แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนานมากแล้วจะจำได้ เช่น เหตุการณ์ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นอกจากนี้ จะเล่าเหตุการณ์ที่จำได้ซ้ำ ๆ เล่าเรื่องเดิม อย่างเดิม" พญ.สิรินทร ฉันศิริกาญจน อายุรแพทย์ รพ.รามาธิบดี และนายกสมาคมผู้ดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อม ไขความสับสนของภาวะสมองเสื่อม ภายในงาน "eat right eat organic เติมสุขภาพดี" จัดโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และเลมอนฟาร์ม ให้ยึดหลัก 3 อ. คือ อาหาร  อารมณ์และออกกำลังกาย เพื่อป้องกันภาวะสมองเสื่อม


ทั้งนี้ผู้สูงอายุ 80 ปีขึ้นไป มีโอกาสสมองเสื่อมถึง 1 ใน 3 ส่วนประเทศไทยพบผู้สูงอายุสมองบกพร่อง ราว 8-10% ของประชากรผู้สูงอายุ จะเห็นว่าไม่ใช่ทุกคนที่สูงอายุจะมีภาวะสมองเสื่อม สิ่งสำคัญก่อนชราจะต้องใส่ใจสมองให้ดี


พญ.สิรินทร อธิบายเกี่ยวกับภาวะสมองเสื่อมว่า  เป็นโรคอย่างหนึ่ง ไม่ได้เกิดจากกระบวนการสูงอายุ ไม่ใช่ผู้สูงอายุทุกคนต้องสมองเสื่อม เฉพาะคนที่ป่วยเท่านั้น เพียงแต่จะเจอบ่อยในผู้สูงอายุ หมอเคยเจอคนไข้อายุน้อยสุด 52-53 ปี ภาวะสมองเสื่อมเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่พบว่าโรคอัลไซเมอร์และหลอดเลือดไม่ดี ทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อมถึง 90 % เพราะฉะนั้น คนที่ชอบกินอาหารที่มัน ควบคุมความดันโลหิตไม่ดี และไขมันในเลือดสูงก็จะมีโอกาสป่วยสูง


10 สัญญาณที่บ่งบอกอาการสมองเสื่อม ได้แก่ 1.การสูญเสียความทรงจำในระยะสั้นที่กระทบต่อการทำงาน 2.สิ่งที่เคยทำเป็นประจำเริ่มทำไม่เป็น 3.ปัญหาด้านภาษา เลือกคำพูดไม่ค่อยถูก 4.ไม่รู้เวลาและสถานที่ 5.สูญเสียการตัดสินใจ 6.ไม่ค่อยเข้าใจความคิดที่เป็นนามธรรม 7.วางของผิดที่แบบแปลก ๆ 8.อารมณ์หรือพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง 9.บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลง และ 10.สูญเสียความคิดริเริ่มคุณหมอเล่าให้ฟัง มีกรณีคนไข้หมอคนหนึ่งไปบอกน้องสาวว่าถ้ามีทัวร์ไปเมืองจีนจะไปด้วยเพราะไม่เคยไป ทั้งที่ความจริงเพิ่งไปมาเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน มีรูปถ่ายที่กำแพงเมืองจีนและหนังสือเดิน ทางก็ประทับตราชัดเจน แบบนี้ถือว่ามีความผิดปกติ หรือ ลืมว่าเมื่อวานตอนเย็นกินอาหารอะไร เป็นต้น เนื่องจากคนทั่วไปจะต้องจำได้ว่าภายใน 24 ชั่วโมงกินอะไรไปบ้าง หากจำไม่ได้ นับว่ามีอาการน่าเป็นห่วง


พญ.สิรินทร ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า คนที่ตกอยู่ในความเศร้า ทุกข์ สูญเสีย น้อยใจหรือความโกรธ โมโห ซึ่งถือเป็นกลุ่มอารมณ์เดียวกันเป็นเวลานาน มีโอกาสที่จะเป็นสมองเสื่อมมากขึ้น เนื่องจากการที่จิตไม่เบิกบานทำให้เซลล์สมองที่บันทึกความจำ หรือสมองส่วนฮิปโปแคมปัสฝ่อลง ความจำใหม่ ๆ จะไม่เกิดขึ้น ถ้าปรับอารมณ์เหล่านี้ได้เร็วเซลล์ที่ฝ่อก็จะกลับมาดี แต่หากปล่อยให้เศร้า หดหู่ ทุกข์นาน ๆ เซลล์นี้ก็จะตายไป ไม่กลับมาอีก สมองฝ่อไปเลยเกิดเป็นสมองเสื่อม ดังนั้น จึงไม่ควรเศร้าหรือโกรธเป็นเวลานาน ให้เกิดขึ้นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ จากนั้นให้หยุดและหาอย่างอื่นทำแทน


ไม่เพียงแต่อารมณ์เท่านั้นที่จะช่วยป้องกันภาวะสมองเสื่อม พญ.สิรินทร บอกว่า อาหารก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะสมองต้องการพลังงานสม่ำเสมอ จึงไม่ควรอดอาหารเช้า แม้คนจะบอกว่าตัวเองอยู่ได้แต่สมองอยู่ไม่ได้ จากการที่ไม่รับอาหารมานาน 8-12 ชั่วโมงในช่วงที่นอนหลับ โดยควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ สารอนุมูลอิสระจะช่วยทำให้เกิดความปึ๋งปั๋งในสมอง แต่จะต้องอาศัยแอนติออกซิแดนท์มาจับจึงออกฤทธิ์ ซึ่งจะมีอยู่ในผัก ผลไม้ต่าง ๆ นอกจากนี้ อาหารที่มีโอเมก้า 3 ก็จะช่วยบำรุงสมอง ในปลาทู ปลาสวายมีสูงกว่าในปลาแซลมอน


ด้านการออกกำลังกาย พญ.สิรินทร ยืนยันว่ามีข้อมูลทางวิชาการชัดเจนว่าทำให้สมองยั่งยืน จากการที่มีการหลั่งสารเอ็นโดรฟินหรือสารความสุข แต่หากเป็นแพทย์สมองจะเรียกว่า สารบีดีเอ็นเอฟ (BDNF: Brain- derived Neurotrophic Factor) ที่เปรียบเสมือนปุ๋ยที่มาช่วยรดเซลล์สมอง ทำให้เซลล์สมองที่อ่อนล้ากลับมากระฉับกระเฉง ทั้งนี้ ควรออกกำลังกายให้เหมาะสมกับสภาพร่างกาย ส่วนที่มีการโฆษณามากมายในปัจจุบันว่ามีสารเคมีหลายตัวช่วยในการบำรุงสมองได้ดีนั้น ยังไม่มีการทดลองทางวิทยาศาสตร์ยืนยัน


"การใส่ใจดูแลสมองจะมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันภาวะสมองเสื่อม ซึ่งทุกคนสามารถทำได้ด้วยการใช้หลัก 3 อ. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ นอนหลับให้เพียงพอเพราะความจำดีจะเกิดขึ้นในขณะที่หลับสนิท มีโอกาสที่จะผนึกความจำได้ดี  ทำอารมณ์ให้เบิกบาน และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ" พญ.สิรินทร แนะนำ

Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

ระบุข้อความ