12 ปี เหยื่อเมาขับ คริส เบญจกุล
อุบัติเหตุทางถนนทำให้คริส เบญจกุล กลายเป็นเหยื่อคำว่า… “เหยื่อ” ทำให้ชีวิตต้องผกผัน ถึงวันนี้แม้ว่าวันเวลาจะผ่านมายาวนาน 12 ปีเต็มแล้ว ชีวิตเขาก็ยังหนีไม่พ้นคำว่า เหยื่อ
อนาคตการแสดงที่ กำลังไปได้สวย ชีวิตการเรียนก็กำลังจะจบ แฟนที่คบมีฝันร่วมกันจะแต่งงานหลังเรียนจบ…พอประสบ อุบัติเหตุ งานก็หาย การเรียนก็ขาดช่วงไปหลายปี แฟนก็ทิ้ง…ชีวิตเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือ
คริสโตเฟอร์ แจ๊ค เบญจกุล หรือ คริส เบญจกุล อายุ 35 ปี เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจากรถจักรยานยนต์เมาแล้วขับชนขณะลงไป ช่วยผู้บาดเจ็บริมถนน จนต้องนอนเป็นเจ้าชายนิทราอยู่นับสิบวัน
“ความเป็นเหยื่อก็บอกอยู่แล้วว่าไม่ดี เป็นเหยื่อก็ไม่ดี เป็นผู้ถูกกระทำและคงไม่มีใครอยากเป็นผู้ถูกกระทำหรอก ครับ…ทุกคนก็อยากมีความสุข ใช้ชีวิตที่เป็นไปเรื่อยๆ” คริส ว่า
ช่วงเวลา 12 ปี…การรณรงค์ ตระหนักรู้ถึงอุบัติเหตุ วันนี้คนไทยเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน?
“ผมว่า…คนไทยระวังมากขึ้นหน่อยเดียวเอง”…ผ่านมานับสิบปีคนไทยยังไม่ระวังป้องกันเรื่องอุบัติเหตุ ในทรรศนะคริส เบญจกุล นั่นเป็นเพราะละแวกที่เขาอาศัยอยู่นั้น ผ่านไปไหนมาไหนบนท้องถนน ผู้คนที่ใช้รถจักรยานยนต์ เป็นพาหนะก็ยังใช้รถใช้ถนนด้วยความเสี่ยงเหมือนเดิม จนเป็นภาพที่ชินตา
น้อยคนนักที่จะใส่หมวกกันน็อก ส่วนใหญ่ไม่ใส่ คนขับก็ไม่ใส่ คนซ้อนก็ไม่ใส่ คริสนึกเอาเองว่า “พวกเขาคงนึกว่าใส่หมวกผิดกฎหมายละมั้ง” คริส ย้ำว่า อยากให้ตำรวจหามาตรการเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง ตั้งด่าน…ตรวจจับมากขึ้น ให้มีการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ไม่ใช่เห็นว่าไม่ใส่กันเยอะก็ปล่อยๆ กันไป เพราะไม่เฉพาะคนขับเท่านั้นที่อันตราย พวกเขายังทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นตกเป็นเหยื่อได้
ภาพตรงหน้าที่เห็นผู้ใช้รถใช้ถนนระวังมากขึ้นนิดเดียว เชื่อมโยงถึงการรณรงค์ภาครัฐ การบังคับใช้กฎหมาย ผ่านมาถึงวันนี้พิสูจน์ให้เห็นบ้างหรือยังว่า…กฎหมายเบาไป หรือเปล่า “ไม่ใส่หมวกปรับ 500 บาท ยังน้อยไปไหม เมาแล้วขับก็ปรับห้าร้อย…พันนึง น่าจะหนักกว่านั้น ถ้าต้องคุมประพฤติ แล้วทำอะไร…กวาดลานวัดก็ได้ ได้บุญอีกต่างหาก น่าจะหนักกว่านั้น อาจจะให้ไปเก็บขยะตามบ้าน ลอกท่อระบายน้ำ”
กฎหมายเบาสะท้อนตรงๆ ว่า ผู้ปฏิบัติก็ไม่ค่อยกลัว ทำให้การบังคับ ใช้ไม่ได้ผล การลดปัญหาอุบัติเหตุ เหยื่อบนท้องถนนคริสมองว่า สำคัญที่สุดต้องให้กฎหมายมีบทลงโทษหนักขึ้น ประการถัดมาผู้บังคับใช้กฎหมายต้องทำงานจริงจังมากขึ้น พอเห็นทำผิดก็ต้องจับทันที ไม่มีข้อแม้
12 ปีที่ผ่านมา เจอเพื่อนๆ พี่ๆน้องๆที่เป็นเหยื่อ ส่วนใหญ่เป็นเหยื่อที่พิการ เดินไม่ได้ บางคนก็บอกเขาเมาเอง รถคว่ำเอง บางคนก็เป็นเหยื่อโดนคนเมาขับมาชนขณะขับมอเตอร์ไซค์กลับ บ้าน…
ในภาพใหญ่ถ้ากฎหมายเข้มขึ้น ผู้บังคับใช้กฎหมายทำงานมากขึ้น จับจริง ปรับจริง เพียงเท่านี้ คริสเชื่อว่า เหยื่ออุบัติเหตุในเมืองไทยจะน้อยลง เพราะคนจะหันมาป้องกัน ระมัดระวัง ใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย
ช่วงชีวิตเหยื่ออุบัติเหตุที่ต้องปรับเปลี่ยน คริส…จากปกติที่วิ่งได้ เดินได้ ออกกำลังกายอย่างปกติทุกอย่างก็ทำได้แค่วิ่งเหยาะๆ ตีเทนนิส…ทำได้เต็มที่แค่เดินตี น็อกคอร์ต อยากเล่นเคเบิลสกีก็เล่นไม่ได้
“สเก็ตบอร์ด…เล่นไม่ได้เลย เพราะถ้าล้มลงไปกว่าจะลุกขึ้นเองได้ ต้องใช้เวลานานเป็นชั่วโมงๆ ลุกขึ้นได้แล้วขาก็จะชาต้องนั่งนิ่งเป็นชั่วโมง แล้วถ้าลื่นล้ม เดินล้ม ลุกขึ้นมาก็ต้องรอเวลากว่าจะเดินต่อไปได้”
ความลำบากในชีวิตประจำวัน เกิดขึ้นล่าสุดเช้าวันที่คริสจะเดินทางมาให้สัมภาษณ์ ขณะขึ้นลงรถไฟฟ้าบีทีเอสคนแน่นๆ บรรยากาศเบียดเสียด ผลักดันกันไปมาจนคริสล้ม ยังดีที่มีคนมาช่วยประคองจนยืนได้ ก็ต้องค่อยๆกะเผลกเดินอยู่นานจนกว่าจะออกมาได้
ความลำบากในเส้นทางชีวิตใหม่ที่เรียกว่า เหยื่อ โดยที่คริสไม่ได้เลือก แม้จะลำบากกว่าชีวิตปกติอย่างสาหัส แต่คริสก็เลือกที่จะสู้ เขาบอกว่า… “ผมไม่เคยยอมแพ้อยู่แล้ว ยังไงก็ต้องสู้ ชีวิตมันต้องสู้”
วางแผนตัวเองแต่ละวัน ถ้ามีงานเช้าก็มาทำงาน ช่วงวันหยุดก็บริหารร่างกาย รักษาตัวเอง นอนยกขา ออกกำลังกายบ้าง ส่วนใจไม่ท้อ เรียกว่าเกินร้อยมาตั้งแต่ประสบอุบัติเหตุ ทำให้ปัจจุบันร่างกายฟื้นฟูขึ้นมา 95 เปอร์เซ็นต์แล้ว ใครถามคริสยังพูดติดตลกด้วยว่า “เหลืออีก 5 เปอร์เซ็นต์… ขอฝากแบงก์เอาไว้ก่อน”
ด้วยความที่คริสไม่ยอมแพ้ตั้งแต่ต้น ทำให้วันนี้เหยื่ออุบัติเหตุคนนี้กลับมาเดินได้อีกครั้ง เจอเพื่อนที่เป็นเหยื่อจะบอกทุกคนที่หมดหวัง ท้อแท้ว่าให้พยายามสู้ พยายามเดิน หลายคนบอกว่าเขายืนไม่ได้ บางคนบอกว่าเดินได้ก้าวเดียวก็ล้มแล้ว หรือไม่ก็เพราะเหตุผลอย่างนั้นอย่างนี้
คริสบอกกลับ ไปว่าไม่ได้บังคับ ต้องพยายาม เพราะถ้าไม่เริ่ม ไม่มีก้าวแรก คุณก็จะเดินไม่ได้ตลอด…คุณต้องสู้กับชีวิตเพราะชีวิตต้องเดินต่อไป
คริสวาดฝันเป็นแรงใจเอาไว้ ด้วยความที่ชอบเดินทางไปหลายจังหวัดแล้วในประเทศไทย ช่วงแรกๆพอพยาบาลบอกให้ลุกขึ้นยืน ยอมรับว่าเจ็บน้ำตาไหล แต่ในใจก็บอกกับตัวเอง ยอมแพ้ไม่ได้ เพราะมีฝันอยากไปให้ได้ทั่วประเทศไทย คำว่าไปให้ได้ ไม่ใช่แค่เดินทางผ่าน แวะเข้าห้องน้ำ…แต่อย่างน้อยๆ แต่ละจังหวัดต้องพัก 1 คืน
ในวันที่ 11 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์… เมืองไทยจะจัดงานพร้อมกับอีกหลายประเทศทั่วโลก ร่วมประกาศเจตนารมณ์ “ทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน พ.ศ.2554–2563” โดยศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) สสส. ร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายลดอุบัติเหตุทางถนน
ตามแผนในปี 2554 นี้ มาตรการแรกที่รัฐบาลไทยจะเร่งดำเนินการ คือการส่งเสริมให้ผู้ขับขี่…ผู้โดยสารรถจักรยานยนต์สวมหมวก นิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ โดยมุ่งไปที่การปรับพฤติกรรมหรือค่านิยมผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ตระหนักถึงความปลอดภัย
และในปีต่อๆ ไปภาครัฐและเอกชนจะร่วมรณรงค์ความปลอดภัยในด้าน ต่างๆ ไม่ว่าเรื่องลดพฤติกรรมเสี่ยงจากการดื่มแล้วขับ การแก้ไขจุดเสี่ยง… จุดอันตรายบนท้องถนน การปรับพฤติกรรมขับรถเร็ว ระบบการแพทย์ฉุกเฉิน ฯลฯ
ณรินทร์พร ภูษิตรานุสรณ์ มูลนิธิป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ เสริมว่า “หมวกกันน็อก”…ต้องรณรงค์ตั้งแต่เด็ก ปลูกฝังจิตสำนึกเพื่อสร้างนิสัยการใช้รถใช้ถนนที่ดีร่วมกับ ผู้ร่วมทางโดยที่มีมาตรฐานการรณรงค์ในเด็ก ขีดวงที่เด็กไทย
ณรินทร์พร บอกตรงๆ ว่า เด็กไทยไม่ยาก แต่ที่ยากคือผู้ปกครอง เราสอนเด็กรู้สึกอยากใส่ เวลาออกจากบ้าน… พ่อก็บอกว่าเร็วๆ รีบขึ้นรถ…จะไปแล้ว เด็กก็ไม่ใส่แล้วก็เห็นว่าพ่อก็ไม่ใส่ เกิดอย่างนี้สอง…สามครั้ง เด็กก็จะเริ่มคิดว่าไม่ใส่ก็ได้ ทำให้ต้องสอนต่อเนื่องทุกเดือน เพื่อเป็นการตอกย้ำ
บ้านเราอุบัติเหตุทางมอเตอร์ไซค์เยอะ ในภาพใหญ่ต้องใช้กำลังจากหลายๆ ฝ่ายช่วยกัน บางคนถือในมือแต่ไม่ใส่ พอเห็นตำรวจก็เอาขึ้นมาใส่ ผ่านไปแล้วก็ถอดออก…คุณต้องรักตัวเอง ต้องระวัง แล้วก็ต้องร่วมกับการบังคับใช้กฎหมายที่เคร่งครัด อย่างน้อยๆ เวลาที่ใช้น่าจะ 3 ปีเป็นอย่างน้อยถึงจะเห็นผล
ทศวรรษแห่งความปลอดภัยบนท้องถนน จะเป็นรูปเป็นร่างนำไปสู่การปฏิบัติมากน้อย สถิติเจ็บตายจะเป็นตัวชี้วัด ซึ่งคริสอยากจะฝากทิ้งท้ายในเรื่องความปลอดภัยใกล้ตัว สั้นๆ ง่ายๆ ว่า…
“ถ้าคุณจะเดินทางไปไหนมาไหนก็ขอให้เช็ค ตัวคุณเองก่อน ง่วงไหม เมาไหม…ก่อนขับรถไม่ว่ามอเตอร์ไซค์ รถยนต์ ต่อมา…ก็ต้องเช็กสภาพรถว่าพร้อมไหม ลมยาง เบรกโอเคไหม แล้วก็ต้องศึกษาเส้นทาง ขับรถอย่างมีสติ รู้ว่าคุณจะไปไหน…แล้วที่สำคัญก็ต้องไม่ขับเร็วขับซิ่ง”
ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ