10ขวบเสี่ยงหวัด09

เตือนทุกคนรับมือป้องกัน

 

10ขวบเสี่ยงหวัด09

          พัฒนาใช้ยาชนิดน้ำเชื่อม ดึงนศ.แพทย์ร่วมรณรงค์ไข้หวัดใหญ่ 2009 คร่าชีวิตเพิ่มอีก 2 ราย รวมยอด 184 ราย สั่งเตรียมพร้อมยาน้ำโอเซลทามิเวียร์ หลังผู้เชี่ยวชาญชี้เด็กต่ำกว่า 10 ขวบเสี่ยง สาธารณสุขจับมือ สสส. ดึง นศ.แพทย์ ร่วมรณรงค์ ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการเตรียมบรรจุความรู้ ไข้หวัดใหญ่ 2009 เข้าหลักสูตรการเรียนการสอน

 

          สถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ 2009 พบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ราย ทั้งนี้เมื่อวันที่ 4 พ.ย. ที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมการเตรียมยาน้ำโอเซลทามิเวียร์ ชนิดในน้ำเชื่อม รักษาเด็กเล็กที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 ว่า การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ระลอก 2 ซึ่งอาจเกิดขึ้นในฤดูหนาวนี้ กลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังคือกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 10 ขวบ ประมาณ 8 ล้านคน เนื่องจากร่างกายมีภูมิต้านทานโรคต่ำกว่าวัยอื่นๆ ซึ่งการระบาดที่ผ่านมามีเด็กจำนวนมากที่ป่วย ขณะที่ยาโอเซลทามิเวียร์ที่ใช้ทั่วโลกเป็นยาเม็ดแคปซูล ต้องกินอย่างเดียว ไม่มียาฉีด ไม่มี ชนิดน้ำ กระทรวงสาธารณสุขจึงได้พัฒนายาโอเซลทามิเวียร์ ชนิดน้ำเชื่อมสำหรับเด็ก โดยได้ให้องค์การเภสัชกรรมผลิตยาโอเซลทามิเวียร์ ชนิดน้ำเชื่อม ขนาด 30 ซีซี แต่มีข้อเสียคือ ยาอายุสั้นเพียง 10 วัน และต้องเก็บในตู้เย็น หากสต็อกยาจำนวนมากคราวเดียว จะทำให้งบประมาณสูญเปล่า เพราะยาหมดอายุเร็ว

 

          ด้าน นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดฯสาธารณสุข กล่าวว่า ในการทำยาโอเซลทามิเวียร์ชนิดน้ำเชื่อมขนาด 10 มิลลิกรัม ต่อ 1 ซีซี จะมี 3 ขนาด คือ ขนาด 30 ซีซี 60 ซีซี และ 120 ซีซี ซึ่งยาชนิดน้ำนี้หลังผสมสามารถเก็บไว้ได้ 10 วัน โดยเก็บในตู้เย็นและใส่ขวดสีชาไว้ ยาน้ำโอเซลทามิเวียร์ในน้ำเชื่อม จะทำให้เด็กกินง่าย ไม่ขม โดยกระทรวงสาธารณสุขได้เผยแพร่สูตรการรักษาให้โรงพยาบาลทั่วประเทศทั้งรัฐและเอกชนแล้ว ขณะนี้ได้สำรองยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ทั้งหมด 12 ล้านเม็ดทั่วประเทศ รองรับผู้ป่วยได้ 6 แสนคน ส่วนการเตรียมรับมือการระบาดระลอก 2 ช่วงฤดูหนาวนี้ ได้ปรับระบบการบริหารการ เข้าถึงยาต้านไวรัส โดยให้คณะกรรมการด้านการแพทย์ ทบทวนคู่มือรักษาให้กระชับขึ้น เพื่อสามารถรักษาผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงที และสั่งการให้โรงพยาบาลทุกแห่งเฝ้าระวังผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่อย่างต่อเนื่อง โดยสำรองยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ไว้อย่างเพียงพอ 12 ล้านเม็ด และสำรองยาซานามิเวียร์เพิ่มอีก 50,000 ชุด

 

          วันเดียวกัน นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข แถลงข่าวความร่วมมือในโครงการระดมนักศึกษาแพทย์ ร่วมต้านไข้หวัดใหญ่ 2009 ว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้ ขอความร่วมมือกระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ขยายความร่วมมือการรณรงค์ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 โดยกระทรวงสาธารณสุข สนับสนุนด้านวิชาการ จัดส่งผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาจากกรมควบคุมโรค ไปชี้แจงสถานการณ์ของโรค รวมทั้งให้ข้อมูลคำแนะนำการป้องกันโรค เพื่อเตรียมความพร้อมนักศึกษาแพทย์ทุกชั้นปี ก่อนออกรณรงค์ให้ ความรู้ประชาชน เป็นวัคซีนภาคประชาชน โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดหรือวันที่มีค่ายกิจกรรมต่างๆ ของนักศึกษา ซึ่งจะเริ่มอบรมแกนนำนักศึกษาแพทย์ และสาขาที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ของมหาวิทยาลัยทุกแห่งในเขต กทม. ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในวันที่ 12 พ.ย.นี้

 

          ส่วนนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา ได้ลงนามความร่วมมือกับ สสส. รณรงค์ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 เริ่มช่วงแรกตั้งแต่เดือน ก.ย. เป็นต้นมา ในกลุ่มบุคลากร นักศึกษาในมหาวิทยาลัยต่างๆ และในช่วงที่ 2 จะร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข ให้สถาบันอุดมศึกษาที่มีคณะแพทยศาสตร์ ซึ่งมีทั้งหมด 19 แห่ง อยู่ในสังกัด สกอ. 16 แห่ง กทม. 1 แห่ง กลาโหม 1 แห่ง และเอกชน 1 แห่ง มีนักศึกษาทุกชั้นปีเกือบ 10,000 คน โดยจะเริ่มในมหาวิทยาลัยที่มีความพร้อม และขยายผลทั่วประเทศต่อไปนอกจากนี้ยังพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับสถานการณ์ระบาดด้วย

 

          ขณะเดียวกันเว็บไซต์ของสำนักระบาดวิทยารายงานสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในรอบวันที่ 18-31 ต.ค.2552 มีผู้ป่วยยืนยันเสียชีวิตด้วยไข้หวัดใหญ่ 2009 เพิ่มจำนวน 2 ราย โดยมีภาวะเสี่ยง คือโรคประจำตัว และหญิงตั้งครรภ์ มารับบริการค่อนข้างล่าช้าทำให้ไม่ได้รับยาต้านไวรัสภายใน 3 วันหลังป่วย สรุปจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย.นี้ รวม 184 ราย และไม่มีการระบาดเป็นกลุ่มก้อน

 

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

 

 

 

Update: 05-11-52

อัพเดทเนื้อหาโดย: ภราดร เดชสาร

 

Shares:
QR Code :
QR Code