ไม่มีการปรองดอง

เอากันให้สูญพันธุ์ไปข้างใดข้างหนึ่ง

 

ไม่มีการปรองดอง          เชื่อไหมว่า ในความเป็น สัจธรรมของชีวิต หากมีความตั้งใจจริงที่จะทำอย่างใดอย่างหนึ่งแบบ “กัดไม่ปล่อย” วันหนึ่ง “มันต้องมีผลสำเร็จเกิดขึ้นอย่างแน่นอน”

 

          จากสูตรสำเร็จดังกล่าวนี้ จึงมีความน่าเป็นห่วงว่า “ความพยายามของคนไทยในขณะนี้ ที่มุ่งมั่นจะทำอะไรกันอย่างจริงจัง โดยไม่คำนึงถึงทางสายกลาง(ดังคำสอนของพุทธองค์)วันหนึ่ง ผลสำเร็จที่เกิดขึ้น อาจจะมีผลกระทบกับประเทศชาติในทางที่น่าเป็นห่วง

 

          สัจธรรมของชีวิต หรือ สิ่งที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นมาแบบที่ต้องให้เป็นไปอย่างนี้ ไม่เว้นแม้แต่ สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในร่างกายของแต่ละคน ที่กำลังจะบอกให้ทราบว่า…

 

          ความมุ่งมั่นเอาจริงเอาจัง โดยไม่ไม่มีการปรองดองกันนั้น สุดท้าย มันก็จะต้องสูญพันธุ์กันไปข้างหนึ่งจนได้จริงๆ

 

          ความจริงดังกล่าวนี้คือ ภูมิต้านทานในร่างกายของมนุษย์ กับ สิ่งแปลกปลอมที่บุกรุกเข้ามาในร่างกายของมนุษย์

 

          ธรรมชาติสร้างมาว่า ในร่างกายของมนุษย์นี้จะ “เซลล์”ต่างๆหลายชนิด ซึ่งเซลล์แต่ละชนิดจะทำหน้าที่ กันไปคนละอย่าง บางอย่างทำหน้าที่เป็น ผู้คุ้มกัน เหมือนเป็น รั้วของชาติ ใครบุกรุกเข้ามาก็พร้อมที่จะทำลาย บางชนิด ทำหน้าที่เป็น สื่อประสาน เพื่อ สืบค้นหารายละเอียดเพื่อประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง

 

          ตัวอย่างเช่น…

 

          ในช่วงนี้ ที่กำลังมีโรคระบาดเข้าสู่ร่างกายของมนุษย์ เมื่อ โรคดังกล่าว สามารถแทรกซึมเข้าไปยังร่างกายได้ ด่านแรกที่ พวกมันจะได้เจอคือ “ภูมิคุ้มกัน”ที่มีอยู่ในตัวของมนุษย์แต่ละคน

 

          ภูมิคุ้มกันประเภท “ฆ่าลูกเดียว” เมื่อมันเห็นว่า มีศัตรูรุกล้ำเข้ามามันก็จะทำลายทันที ส่วนจะสู้ได้หรือสู้ไม่ได้ก็แล้วแต่กำลังของแต่ละฝ่าย

 

          บางประเภท เป็น ภูมิคุ้มกัน แบบ สื่อประสาน คือ พอเชื้อโรค เข้ามาสู่ร่างกาย มันก็จะเข้าไปตีสนิท สืบเสาะค้นหาว่า “เอ็งเป็นใคร มาจากไหน มีคุณสมบัติอย่างไร” เหมือนเป็นเพื่อนสนิท แต่ พอรู้เรื่องของผู้บุกรุกดีแล้ว มันก็จะส่งข้อมูลไปยัง ผู้คุมกั้น ให้หาทาง ต่อต้าน หรือ สร้าง อาวุธขึ้นมาป้องกัน (วิชาทางการแพทย์เขาเรียกว่า แอนตี้บอดี้) แล้วจากนั้น ก็หาทางทำลาย เจ้าศัตรู ซะให้สิ้นทราก

 

จึงจั่วหัวเอาไว้ว่า ถ้าเอากันจริงจัง ไม่มีการปรองดองกันแล้ว ผลสุดท้ายข้างใดข้างหนึ่งมันก็จะสิ้นทรากไปเอง

 

          แบบนี้ ต้องยกย่องธรรมชาติว่า สร้างสรรค์กลไกของร่างกายขึ้นมาได้อย่างสุดยอดจริงๆ แต่ ภูมิคุ้มกัน หรือ ตัวต่อต้านในร่างกายของมนุษย์แต่ละคนจะ ดีเยี่ยมมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับ การเอาใจใส่ของ เจ้าของร่างกายแต่ละคน

 

          อย่างในเวลานี้ โรคไข้หวัดใหญ่ 2009 กำลังระบาด ใครที่ เกรงว่า จะมีผลร้ายแต่ตนเอง สิ่งเดียวที่ทำได้ง่ายที่สุด คือ รีบสร้างความเข้มแข็งให้กับ ภูมิคุ้มกันในตัวของเราเอง โดยการ ออกกำลังกาย เพราะ การออกกำลังกายจะมีประโยชน์กับร่างกายเป็นอย่างยิ่ง

 

          แต่เป็นที่น่าเสียใจว่า คนไทยของเรา ไม่ค่อยมีใครเอาใจใส่กับการออกกำลังกาย ดังที่ นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติปี 2550 ระบุว่า คนไทยอายุ 11 ปี ขึ้นไปออกกำลังกาย 29.65% ขณะที่ปี 2547 ออกกำลังกาย 29% จึงเพิ่มขึ้นไม่ถึง 1% โดยกีฬาที่นิยม 3 อันดับแรก คือ 1.เดิน 19% 2.วิ่ง 17.78% 3.แอโรบิก 8.05% เหตุผลที่ทำให้ออกกำลังกายมากที่สุดคือ อยากมีสุขภาพแข็งแรง ส่วนเหตุผลที่ไม่ออกกำลังกายมากที่สุดคือ ไม่มีเวลา ตนจึงอยากเชิญชวนให้คนไทยออกกำลังกายมากขึ้น เพราะการออกกำลังกายคือวัคซีนป้องกันโรคได้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่ระบาดอยู่ขณะนี้หรือโรคอื่นๆ

 

          และเพื่อเป็นการส่งเสริมให้คนไทย มีการออกกำลังกายมากขึ้น นพ.มงคล ณ สงขลา ประธาน คณะอนุกรรมการสนับสนุนป้องกัน ควบคุม และการแก้ปัญหาการแพร่ระบาด ของไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ผู้จัดงาน “ออกกำลังกาย รวมพลังสู้หวัด 2009” จึงได้จัดทำลานอเนกประสงค์เพื่อออกกำลังกายขึ้น 150 แห่งและยังทำกิจกรรมรณรงค์ เผยแพร่ข้อมูลสถานการณ์ การแพร่ระบาดของไข้หวัด 2009 ในพื้นที่ชุมชนโดยรอบ ด้วย การตรวจสุขภาพ ทดสอบสมรรถภาพร่างกายแบบเคลื่อนที่ พร้อมทั้งกิจกรรมโรดโชว์ ไปที่แหล่งชุมชนต่างๆ เพื่อให้ความรู้เรื่องไข้หวัด 2009 และแนะนำสถานที่ออกกำลังกายใกล้บ้าน เพื่อให้คนไทยใช้การออกกำลังกายเป็นยาวิเศษป้องกันโรคไข้หวัด 2009 ซึ่งสถานที่จะไปโรดโชว์ อาทิ สถานีรถไฟฟ้าสยาม วันที่ 18 ก.ย. เดอะมอลล์ บางแค วันที่ 26 ก.ย. เซ็นทรัล ภูเก็ต วันที่ 3 ต.ค. สถานีรถไฟหัวลำโพง วันที่ 16 ต.ค. สถานีรถไฟใต้ดิน จตุจักร วันที่ 7 พ.ย. นี้ เป็นต้น

 

          ถ้าคนไทยจะเอาจริงเอาจริง เพื่อ ฆ่าโรคร้ายให้สูญพันธุ์กันไปข้างใดข้างหนึ่ง แบบที่ กระทรวงสาธรณสุข และ สสส.ร่วมกันทำดังกล่าวนี้ ดีกว่า ไปทำจริงจังกันแบบอื่น ที่จะทำให้เกิดผลเสียแก่สังคมไทยแน่นอน

 

 

 

 

 

 

          ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

 

 

 

Update : 16-09-52

อัพเดทเนื้อหาโดย : อัญณิกา กฤษสมัย

Shares:
QR Code :
QR Code