โรงแรมเคพีแกรนด์ หนุนเด็กกินนมแม่ 100%
เรื่องโดย อาภาวรรณ โสภณธรรมรักษ์ team content www.thaihealth.or.th
แฟ้มภาพ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สำหรับแม่ทำงานให้ประสบความสำเร็จในการให้นมแม่ล้วน 6 เดือน และนมแม่คู่อาหารตามวัยไปถึง 2 ปีนั้น นั้นค่อนข้างเป็นปัญหาสำหรับคุณแม่หลายๆ คนเลยทีเดียว แต่สำหรับที่ โรงแรมเคพีแกรนด์ จ.จันทบุรี ทำให้เราได้เห็นว่า การที่สถานประกอบการสนับสนุนชมรมนมแม่อาสา เพื่อช่วยเหลือแม่ตั้งครรภ์และให้ลูกได้กินนมแม่ไม่ใช่เรื่องยากเลย และยังได้เด็กที่กินนมแม่เติบโตมาอย่างมีคุณภาพอีกด้วย
เมื่อเร็วๆ นี้ มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และองค์กร Alive & Thrive ได้พาลงพื้นที่เยี่ยมชมเครือข่ายการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ใน จ.ระยอง – จ.จันทบุรี ในโครงการ “นมแม่สัญจร” ซึ่งทำให้เราเห็นถึงการสนับสนุนของพื้นที่ที่ผลักดันเรื่องนมแม่อย่างเป็นรูปธรรม
เป็นเวลากว่า 10 ปีในการจัดตั้งชมรมนมแม่อาสาของโรงแรมเคพีแกรนด์ จ.จันทบุรี โดยมีจุดเริ่มต้นมาจาก นางสาวอภิรดี ศิริวิจิตรกุล ผู้บริหารโรงแรม ที่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จนประสบความสำเร็จและเห็นความสำคัญตั้งแต่แรกเริ่มตั้งครรภ์ จึงทำให้เกิดชมรมรมแม่อาสาขึ้นในโรงแรม โดยส่งพนักงานเข้าร่วมอบรมกับทางโรงพยาบาลพระปกเกล้าเป็นประจำ ย้ำเรื่องนมแม่ในทุกๆ การประชุมพนักงาน จนเรียกได้ว่าชมรมแม่อาสาฯ มีความเข้มแข็งและสามารถช่วยเพื่อนพนักงานให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่จนประสบความสำเร็จเป็นจำนวนมาก
ผู้บริหารโรงแรมเคพีแกรนด์ เล่าให้ฟังว่า ได้รับความรู้และการช่วยเหลือให้ลูกได้กินนมแม่จนสำเร็จจาก นางวาสนา งามการ หัวหน้ากลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยสูตินรีเวช โรงพยาบาลพระปกเกล้า จ.จันทบุรี และทีมแม่อาสา เมื่อตนสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จนสำเร็จ และเห็นคุณค่าของการให้ลูกได้กินนมแม่ จึงสนับสนุนให้คนใกล้ตัว รวมไปถึงพนักงานมีความรู้เรื่องดังกล่าว และกระจายความรู้นี้ส่งต่อๆ ไป
“สำหรับพนักงานของโรงแรมเราก็ให้สิทธิลาคลอดได้เต็มที่ ให้ความรู้คุณแม่ตั้งแต่ตั้งเริ่มครรภ์ ไปจนถึงการเลี้ยงลูกหลังคลอด มีหลากหลายคนที่ถามว่า เราไม่กลัวว่าจะเสียเวลาที่ให้พนักงานมาให้นมลูก หรือมันคุ้มค่ากันหรือ ซึ่งเรามักจะตอบว่า มันไม่ใช่การเสียเวลาแต่คือการลงทุนที่คุ้มค่า เด็กคนหนึ่งที่เกิดมามีโอกาสได้กินนมแม่นั่นคือสารอาหารสำคัญ ภูมิคุ้มกันต่างๆ จะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต เป็นต้นทุนชีวิตให้กับลูกซึ่งมันหาซื้อไม่ได้จากที่ไหน เพราะนี่คือความคุ้มค่าของแม่ที่ให้ลูกได้กินนมแม่ล้วน 6 เดือนและควบคู่อาหารตามวัยไปจนกว่าๆ บรรดาแม่แต่ละคนจะหมดน้ำนม” นางสาวอภิรดี อธิบาย
นอกจากนี้แล้ว นางสาวอภิรดี ยังเล่าให้เราฟังต่อว่า ถ้าสถานประกอบการทั่วประเทศระดมทำในสิ่งสำคัญที่สุดคือ การสร้างคนและช่วยกันดูแลเด็กๆ ที่เกิดใหม่ เราก็จะได้คนที่พร้อมจะเติบโตมีคุณภาพและช่วยกันพัฒนาประเทศไปได้ไกลๆ เพียงแค่เราต้องเริ่มสร้างเท่านั้นเอง สำหรับลูกชายตนเองก็เป็นผลสำเร็จจากการที่ลูกกินนมแม่ล้วน 100% ปัจจุบันอายุ 12 ปี สูง 180 ซม.เป็นเด็กที่ฉลาด เลี้ยงง่าย และไม่เจ็บป่วยเลย ซึ่งพร้อมจะพัฒนาไปเป็นคนคุณภาพของสังคม
สำหรับคุณแม่ที่เป็นพนักงานของโรงแรมเคพีแกรนด์ และอยู่ชมรมนมแม่อาสาฯ มาเป็นเวลา 10 ปี ได้เล่าความรู้สึกหลังจากการคลอดลูกคนที่ 3 เพียง 12 วัน อย่าง น.ส.รัชนีวรรณ งามการ หรือ แม่อิม ว่า ความสุขที่เราได้ช่วยเหลือพนักงานที่ตั้งครรภ์รุ่นแล้วรุ่นเล่ามันคือความภูมิใจที่ทำให้เขาสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จนประสบความสำเร็จ และเราก็จะทำต่อไปโดยไม่หยุดยั้ง ส่งต่อสิ่งดีๆ แบบนี้ไปถ่ายทอดพนักงานคนอื่นๆ ในชมรมฯ
“หลังจากลูกคลอดออกมาแล้วได้กินนมแม่ รู้สึกอิ่มเอมมาก ยิ่งทางโรงพยาบาลพระปกเกล้าสนับสนุนให้เอาลูกมาวางไว้บนอกเราตั้งแต่แรกคลอด เป็นความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูกเลย มันมีความสุขที่เราจะได้ให้นมลูก และเฝ้าดูเค้าเติบโต เด็กนมแม่เป็นเด็กที่กินอิ่มก็นอนหลับอย่างสบายใจ ไม่ตื่นมากวนเราเลย สำหรับเราก็ตั้งใจจะส่งต่อเรื่องนมแม่ต่อไป และพร้อมช่วยเหลือแม่ที่มีปัญหาเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่” แม่อิม เล่าให้ฟัง
ขณะที่ภาควิชาการอย่าง พญ.ศิริพร กัญชนะ ประธานมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย บอกว่า ได้เห็นตัวอย่างของแม่ที่ให้ลูกได้กินนมแม่สำเร็จในพื้นที่ต่างๆ ก็มีความยินดีอย่างยิ่ง เพราะนี่คือการปฏิบัติจริงที่เกิดผลสำเร็จจริง เด็กที่กินนมแม่จะเป็นเด็กที่มีคุณภาพ สิ่งสำคัญที่เห็นชัดเจนในกระบวนการชมรมนมแม่อาสาของโรงแรมเคพีแกรนด์คือ การที่มีผู้คอยสนับสนุนและช่วยเหลือทั้งให้ความรู้และแก้ปัญหาจนทำให้การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ประสบความสำเร็จ เมื่อสิ่งเหล่านี้เผยแพร่ออกไปสู่สถานประกอบกิจการทั่วประเทศจะทำให้ เขามีความรู้ความเข้าใจและหันมาสนับสนุนพนักงานให้ลูกได้กินนมแม่
เมื่อทุกภาคส่วน ทุกคนต่างมีความเข้าใจและเห็นประโยชน์จากคุณค่าของนมแม่ และหันมาให้ลูกได้กินนมแม่ เราเชื่อแน่ว่าจากนี้ไปอีก 10 ปี เราจะเห็นผลผลิตของเด็กที่กินนมแม่เป็นเด็กที่ชาญฉลาด มีคุณภาพ และร่วมกันขับเคลื่อนประเทศด้วยกันอย่างแน่นอน