โรงเรียนประถมรัฐและเอกชนจ.สงขลา ห่วงใยเรื่องเพศของ นร.
โรงเรียนประถมทั้งภาครัฐและเอกชน 8 โรงเรียน จัดกลุ่มสนทนาย่อย รวมข้อมูลและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากประสบการณ์ตรงของคุณครูที่เกิดขึ้น เพื่อนำไปใช้ในการเสริมสร้างสุขภาวะทางเพศให้กับนักเรียน
เมื่อเร็วๆนี้ ผอ.โรงเรียนประถมทั้งภาครัฐและเอกชน 8 โรงเรียน ในเขตพื้นที่อำเภอสะเดา อำเภอสิงหนคร และอำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ร่วมกับกลุ่มมานีมานะ (ภาคีภายใต้แผนงานสร้างเสริมสุขภาวะทางเพศ) ใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จัดกลุ่มสนทนาย่อย (focus group) เพื่อต้องการร่วมรวมข้อมูลและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากประสบการณ์ตรงของคุณครูที่เกิดขึ้นจริงในห้องเรียน เพื่อหาแนวทางในการพัฒนาครูและสื่อการสอนต่างๆ ที่สามารถนำไปใช้ในการเสริมสร้างสุขภาวะทางเพศให้กับนักเรียนได้
จากความห่วงใยของผู้อำนวยการและครูในโรงเรียนประถม จ.สงขลา สังเกตว่า ปัจจุบันเด็กมีการเลียนแบบพฤติกรรมจากสื่อต่างๆ เช่น คำพูดที่พูดเหมือนกับในละครพูดทั้งๆไม่ได้รู้ความหมายอย่างชัดเจน เลียนแบบเพื่อนเห็นเพื่อนแต่งกายมีของใช้ที่ทันสมัยก็เอาเป็นตัวอย่าง และเลียนแบบการกระทำของพ่อแม่ เมื่อเด็กเห็นพ่อแม่มีอะไรกันเนื่องจากเป็นบ้านที่นอนรวมกัน ก็นำมาทำกับเพื่อนที่โรงเรียนโดยไม่รู้ว่าการกระทำนั้นคืออะไร ในเรื่องนี้จึงมีความน่าเป็นห่วงอยู่มาก
นายโตมร อภิวันทนากร ผู้อำนวยการกลุ่มมานีมานะ ซึ่งดำเนินงานเชิงกระบวนการเพื่อสร้างการเรียนรู้แก่เด็กและเยาวชนทั้งในสถานศึกษาและชุมชนต่างๆ เปิดเผยว่า จากการทำงานร่วมกับครูในโรงเรียนพบว่าครูมีทัศนคติที่ดีและเปิดกว้างในเรื่องเพศมากขึ้น มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญและมีความละเอียดอ่อน จึงควรให้ข้อมูลที่ถูกต้องและพร้อมอ้าแขนให้ความช่วยเหลือเด็กที่ประสบปัญหา และจากการทำfocus groupกับผอ.และครู ได้พบยุทธศาสตร์การทำงานในโรงเรียนร่วมกัน ดังนี้ 1.ต้องทำงานเป็นคณะโดยเริ่มจากกลุ่มคนในโรงเรียน 2.ต้องเสริมทักษะการสื่อสารเรื่องเพศแก่เด็ก 3.เพิ่มทักษะการให้คำปรึกษาให้กับครู
ทางด้านครูผู้สอนเองยังคงต้องการที่จะพัฒนาศักยภาพของตนเอง โดยครูส่วนใหญ่ต้องการการเสริมสร้างทักษะการสร้างบทละคร นิทาน และเทคนิคการผลิตสื่อการเรียนรู้ที่เน้นให้เด็กเป็นผู้คิดและแสดงเอง เด็กจะได้เกิดกระบวนการคิดและเกิดแนวทางแก้ไขเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง
จากสถานการณ์ในปัจจุบันนี้ เราไม่อาจจะปฎิเสธได้ว่าเด็กจะเริ่มมีเพศสัมพันธ์เมื่อไหร่ ดังนั้นครูจึงไม่ควรต้องรอให้เด็กเป็นฝ่ายเข้ามาถาม แต่ต้องเป็นฝ่ายมอบความรู้ที่ถูกต้องให้เด็กเอง โดยเฉพาะเรื่องของอุปกรณ์การป้องกันทางเพศสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็น ถุงยางอนามัย หรือยาคุมกำเนิด โดยที่ครูไม่เพียงจะให้ความรู้แค่วิธีการใช้เท่านั้น แต่จำเป็นต้องปลูกฝังทัศนคติเชิงบวกให้กับเด็กได้รู้จักกับผลและสถานการณ์ที่จะตามมาหากมีเพศสัมพันธ์โดยป้องกันและไม่ป้องกัน เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันในการใช้ชีวิตให้แก่เด็กๆจะได้ดำเนินชีวิตได้อย่างมีสุขและปลอดภัย
ที่มา : แผนงานสร้างเสริมสุขภาวะทางเพศ