โรคชอบขโมย อาการป่วยทางจิตเวช
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
แฟ้มภาพ
พฤติกรรมหยิบฉวยลักขโมย มีทั้งที่เป็นพฤติกรรมลักทรัพย์ทั่วไป แต่ในทางจิตวิทยาอาจเข้าข่ายเป็นอาการทางจิตเวชชนิดหนึ่ง รู้ว่าผิดแต่ยังคิดยังทำ ซึ่งมีชื่อเรียกในทางการแพทย์ว่า โรคเคลปโทมาเนีย หรือโรคชอบขโมย
ปรากฏเป็นกระแสอื้ออึงในโลกโซเชียลเมื่อเร็วๆ นี้ กับกรณีคลิป "ป้าจั๊กกะแร้เหนียว" ที่มีพฤติกรรม "หยิบฉวยเงินคนอื่นแอบซ่อนเอาไว้บริเวณใต้รักแร้ตนเอง" เพื่อหลบซ่อนพนักงานประจำช่องเก็บเงิน ซึ่งหลังจากเรื่องราวตามคลิปดังกล่าวปรากฏออกมาเป็นข่าวก็ทำให้เกิดกระแสออกมาเป็น 2 ฝ่าย มีทั้งฝ่ายที่มองเป็นพฤติกรรมลักทรัพย์ปกติทั่วไป กับอีกฝ่ายหนึ่งที่ยังคงเกิดปุจฉาคาใจในพฤติกรรมดังกล่าว ซึ่งดูพิลึกๆ ดูแปลกๆ จนมีการมองว่า พฤติกรรมกรณีดังกล่าวนี้อาจเข้าข่าย อาการทางจิตเวชชนิดหนึ่ง ที่มีชื่อเรียกในทางการแพทย์เกี่ยวกับลักษณะอาการดังกล่าวนี้ว่า "โรคชอบขโมย???"
ครั้งหนึ่งในไทยก็เคยได้ยินชื่อโรคดังกล่าวนี้ เคยได้ยินเรื่องอื้อฉาวกรณี "โรคชอบขโมย" ซึ่ง "โรคชื่อแปลกประหลาด" โรคนี้มีจริงหรือ
ทั้งนี้ กับกรณีที่เคยโด่งดังและเป็นกระแสที่สังคมไทยเคยให้ความสนใจติดตามนั้น ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ในขณะนั้นได้มีผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่งตกเป็นกรณีอื้อฉาว หลังจากถูกแจ้งข้อหาจากการ "ลักขโมยทรัพย์สินในต่างแดน" โดยที่ทำให้สังคมไทยงุนงงมาก ๆ เพราะทรัพย์สินที่คนระดับผู้บริหารรายนี้ลักขโมยนั้นเป็นเพียง "ภาพประดับในโรงแรม" ที่มี "มูลค่านิดเดียว" ทั้งนี้ ภายหลังผู้บริหารที่ตกเป็นข่าวรายนี้ก็ได้ออกมาระบุว่า กระทำผิดจริง แต่ก็ทำไปโดยไม่รู้ตัว ซึ่งต่อมาได้มีการวิเคราะห์ถึงสาเหตุของพฤติกรรมแบบนี้ว่า มีปัจจัยมาจากอาการทางจิตเวชรูปแบบหนึ่ง
ในทางจิตวิทยาเรียกว่า "โรคเคลปโทมาเนีย" เกี่ยวกับ "โรคชื่อแปลกและมีอาการประหลาด"ดังกล่าว หรือ "โรคชอบขโมย"นั้น คำอธิบายเกี่ยวกับโรคนี้ทาง นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ หรือ "หมอแนต" จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น กรมสุขภาพจิต และโฆษกกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ได้ระบุไว้ว่า กรณีที่เป็นกระแสสนใจจากสังคม กับพฤติกรรมลักขโมยของป้ารายหนึ่งที่เกิดขึ้นนั้น ในเบื้องต้นคงจะไม่สามารถระบุเจาะจงได้ว่าผู้กระทำมีปัญหาสภาพจิตหรือป่วยทางจิตเวชหรือไม่เพราะยังไม่ได้มีการประเมินหรือวินิจฉัยโดยตรง
อย่างไรก็ตาม แต่ถ้าพูดในหลักการโดยรวม เรื่องนี้จะต้องแยกเป็น 2 กลุ่มก่อน กล่าวคือ กลุ่มแรกเป็น กลุ่มที่ตั้งใจขโมย เพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินเงินทอง ซึ่งผู้ขโมยอาจตั้งใจจะหยิบฉวยหรือขโมยสิ่งของต่างๆ เพื่อนำไปจัดการปัญหาเศรษฐกิจของตัวเองหรือครอบครัว ส่วนอีกกลุ่มนั้นคือ กลุ่มที่ไม่ตั้งใจขโมย ซึ่งไม่ได้นำทรัพย์สินหรือสิ่งของที่ขโมยมาได้ไปจุนเจือตัวเองหรือครอบครัว แต่ ขโมยเพราะมีความสุขที่ได้ทำ เช่นนี้ ซึ่งต้องพิจารณาประกอบว่า คนที่มีอาการนี้อยู่ในช่วงอายุเท่าไร
"ถ้าเป็นเด็ก ก็อาจจะมาจากเรื่องวัย เพราะเด็กยังไม่ค่อยรู้ตัวว่าอะไรควร-อะไรไม่ควร แต่ถ้าเป็นผู้สูงอายุ หรือเป็นผู้ใหญ่ กรณีแบบนี้อาจจะมีเรื่องของภาวะสมองเสื่อมเข้ามาเกี่ยวข้อง หรืออีกอย่างคือเกิดจากปัญหาการควบคุมตัวเอง หรือเป็นโรคชอบหยิบฉวยสิ่งของ ซึ่งกรณีนี้ในอดีตทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศนั้นก็เคยพบคนที่ป่วยด้วยโรคนี้มากมาย และที่เป็นคนดังก็มีอยู่ไม่น้อยเช่นกันที่มีอาการลักษณะนี้" นพ.วรตม์ กล่าว
ถามว่า "โรคชอบขโมย" เป็นอย่างไร คำอธิบายเกี่ยวกับโรคดังกล่าวนี้ ทางโฆษกกรมสุขภาพจิตได้ให้ข้อมูลไว้ว่า โรคดังกล่าวนี้ ทางการแพทย์ ในทางจิตวิทยานั้น มีชื่อเรียกว่า "โรคเคลปโทมาเนีย (Kleptomania)" ซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่ สารเคมีในสมองทำงานผิดปกติจนเกิดปัญหาเรื่องการยับยั้งพฤติกรรมของตนเองโดยชีวิตประจำวันอื่น ๆ ของคนที่เกิดอาการนี้แทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่เมื่อถึงจุดๆ หนึ่งที่ เกิดความต้องการสิ่งของบางอย่าง หรือมีความรู้สึกอยากขโมย เกิดขึ้นมา ก็จะ ไม่สามารถต้านทานความรู้สึกที่เกิดขึ้นในขณะนั้นได้ จนต้องตัดสินใจลักขโมย เอามา
"การขโมยของคนที่เป็นโรคเคลปโทมาเนียนี้ ไม่ได้นำมาใช้เอง หรือไม่ได้ก่อให้เกิดความมั่งคั่ง แต่เป็นการสนองความต้องการที่ไม่สามารถควบคุมได้ โดยลักษณะอาการที่พบบ่อยของคนกลุ่มนี้ ก็คือ มักมีอาการวิตกกังวล มักมีความคิดวกวนซ้ำ ๆ เกี่ยวกับการหยิบฉวยขโมยของอยู่ตลอด" เป็นคำอธิบายเกี่ยวกับ "โรคประหลาด" โรคนี้
นพ.วรตม์ ยังอธิบายเพิ่มเติมอีกว่า ผู้ที่ป่วยด้วยโรคนี้ ก็จะรู้สึกตัว จะรู้สึกขัดแย้งในจิตใจตลอดเวลาแต่ หักห้ามใจตัวเองไม่ได้จนต้องขโมย เพื่อดับความทุกข์ทรมานของตัวเอง ถึงแม้สิ่งของที่ลักขโมยมาจะไม่ได้มีมูลค่ามากมายเลยก็ตาม ทั้งนี้ "ปัญหาน่ากลัว" ของ "โรคเคลปโทมาเนีย" นี้ก็คือ หลายคนไม่รู้ตัวว่าป่วยเป็นโรคนี้ จนทำให้เกิดปัญหาชีวิตมากมาย เนื่องจากคนที่ป่วยด้วยโรคนี้มักมีอาการวิตกกังวลมาก และเกิดปัญหาการควบคุมอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง รวมถึงบางคนอาจมีการใช้ยาเสพติดร่วมด้วย ซึ่งถ้าไม่รีบบำบัดอาการนี้ ต่อไปอาจป่วยเป็นโรคซึมเศร้า จนนำสู่การคิดสั้นฆ่าตัวตาย ได้ในที่สุด
"ถ้ารู้สึกตัวว่ามีพฤติกรรมแปลกๆ ไม่สมเหตุสมผล รู้สึกว่าอยากขโมยตลอดเวลา ทั้งที่ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องการเงิน ควรรีบปรึกษาจิตแพทย์ หรือสายด่วนกรมสุขภาพจิต 1323 ทันที อย่ารอ ให้เกิดเรื่องขึ้นก่อนแล้วค่อยรักษา เพราะการลักขโมยนั้นไม่ว่าจะ ป่วยหรือไม่ป่วยทางจิต ก็ถือว่ามีความผิด หากถูกจับได้ก็ต้องถูกดำเนินคดี" เป็น"คำแนะนำ" จากทาง นพ.วรตม์ โฆษกกรมสุขภาพจิต เกี่ยวกับ "โรคประหลาด" ที่เรียกว่า "โรคเคลปโทมาเนีย"
"อาการทางจิตเวชอีกรูปแบบ" ที่อาจจะดูแปลกๆ แต่ "โรคชอบขโมย" นี่ก็เป็นโรคทางจิตที่มีจริงๆ และ "จากขโมย ต่อไปอาจถึงขั้นฆ่าตัวตาย