“แล้วหนูจะอยู่กับใคร”

ที่มา : หักดิบ…ใช้ได้ โดย ศูนย์บริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์แห่งชาติ 1600 มูลนิธิสร้างสุขไทย และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)


ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ



“แล้วหนูจะอยู่กับใคร” thaihealth

 


ไม่ถึง 10 นาที 3 มวนแล้ว แบบนี้ไม่ได้อยู่ด้วยกันนานๆ แน่เลย “แล้วหนูจะอยู่กับใคร”


แว่วเสียงพร่ำพรรณนาจากลูกสาวคนเล็ก เด็กน้อยวัย 9 ขวบ ที่ก้องอยู่ในหูผู้เป็นแม่ ซึ่งสูบบุหรี่มาตลอดระยะเวลา 19 ปี และไม่เคยคิดที่จะเลิกด้วยซ้ำ แต่วันนี้แม่ผู้เป็นที่รักของลูกกล้ากลับคำให้พร้อมลั่นวาจาเพื่อบอกกล่าวกับสาธารณชนว่า “ตอนนี้ฉันมั่นใจ ฉันเลิกบุหรี่ได้แน่” เพื่อที่จะอยู่กับลูกไปนานๆ แม้ต้องทุกข์ทรมานกับอาการขาดนิโคตินก็ตามแหม!! ฟังแล้วทำให้ซาบซึ้งกินใจไปตามๆ กันเลยทีเดียวเชียว ก่อนอื่นต้องชื่นชมคุณพัตรที่กรุณาแบ่งปันประสบการณ์และความรู้สึกในห้วงลึกของจิตใจ คุณแม่บ้านวัย 44 ปี พร้อมลูกสาวอีก 2 คนที่เติมเต็มชีวิต


คุณพัตรเล่าว่า เธอสูบบุหรี่มาตั้งแต่อายุ 25 ปี แรกๆ ก็สูบไม่เยอะ แต่ต่อมาสูบหนักขึ้นราวๆ 20 มวนต่อวัน ซึ่งสามีก็สูบเช่นกัน แต่ไม่หนักเท่าเดิม


ทั้งที่รู้ว่าตัวเองเป็นโรคหัวใจและเคยมีอาการเจ็บหน้าอกมาก่อน แต่หมอบอกไม่ต้องกินยา อย่าเครียด และไม่ควรทำงานหนัก แต่ด้วยความมั่นใจที่คิดว่าเป็นคนสุขภาพแข็งแรง ออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยานเสมอ ทำงานบ้านได้ทุกอย่าง ไม่ดื่มกาแฟ แต่ดื่มเหล้าบ้างบางครั้ง


หักหลบ ความรู้สึกตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา 19 ปี คุณพัตรไม่เคยคิดจะเลิกสูบบุหรี่ แม้ไม่ชอบภาพที่ซองเพราะรู้สึกว่า “น่าเกลียด” เธอจะฉีกซองออกและแยกบุหรี่ใส่กล่องไว้ จนวันหนึ่งรู้สึกเครียดๆ ก็เลยสูบติดกัน 2-3 มวน จากนั้นก็รู้ได้เลยว่าเจ็บหัวใจ แล้วก็วูบหมดสติไปเลย ลูกๆ ก็ช่วยกันปฐมพยาบาล พร้อมบีบนวด สักพักใหญ่ๆ ก็ค่อยๆ ดีขึ้น


ขณะผู้เป็นแม่ฟื้นคืนสติ ลูกสาวคนเล็กวัย 9 ขวบ เอ่ยขึ้นมาว่า ไม่ถึง 10 นาที 3 มวนแล้ว แบบนี้ไม่ได้อยู่ด้วยกันนานๆ แน่เลย “แล้วหนูจะอยู่กับใคร” ด้วยความสับสนปนอ้างว้างที่เกาะกินใจเด็กน้อยให้รู้สึกเคว้งคว้างอย่างเดียวดาย ไร้ที่พึ่งพิง และทันที่ที่ผู้เป็นแม่ได้รับฟัง จึงตัดสินใจเด็ดขาด…


หักดิบ พร้อมบอกให้ลูกเอาบุหรี่ไปทิ้งและย้ำว่าไม่อยากเห็น ต้องขอปรบมือดังๆ ให้กับคุณพัตรเพราะอย่างที่บอกว่าเธอไม่เคยแม้แต่จะคิดเลิกสูบมาก่อน เพราะกลัวความทุกข์ทรมานจากการขาดนิโคตินไม่ได้ แต่เมื่อบางคำพูดจากใจลูกกระทบใจแม่เสมือนหนึ่งตอกย้ำซ้ำรอยเดิมย้อมความรู้สึกปลุกความกล้าท้าความกลัวให้หายจนหมดสิ้นและพร้อมที่จะผจญ


หลังจากลั่นวาจาหักดิบอย่างไร้เยื่อใย แม้เงาก็ไม่อยากเห็น ดั่งคนอกหักรักคุดเลยทีเดียว เพราะจากวินาทีที่บอกเลิกตลอดยามค่ำคืนและตราบจนวันรุ่งขึ้น เธอบอกว่า “มันสุดแสนจะทรมานมากๆ หงุดหงิด วิงเวียนศีรษะ จะอาเจียน ไปไหนไม่ได้ ยิ่งช่วงสายๆ อยู่คนเดียวยิ่งมีอาการมากขึ้น” คนข้างบ้านบอกให้สูบสักมวนก่อน เกรงจะช็อคหรืออาจถึงตายได้


ด้วยความสัตย์จริงของหญิงแกร่งคนนี้ แม้จะทรมานอย่างแสนสาหัสที่สุดจะบรรยายเพียงใด เธอก็ไม่ทำตามที่เพื่อนบ้านบอก แต่กลับหาทางออกด้วยการโทรฯ หาลูกสาวคนโต นับเป็นจุดเปลี่ยนอีกครั้งที่ลูกได้จัดสรรไว้ให้แม่


ทันทีที่ลูกสาวได้รับสาย ก็บอกให้แม่โทรฯ ไปขอคำปรึกษาจาก 1600 คุณพัตรเล่าต่อว่า ขณะคุยกับเจ้าหน้าที่ 1600 ถึงขนาดต้องมานั่งหน้าห้องน้ำ ด้วยความรู้สึกเศร้าเคล้าน้ำตา ทรมานเหลือเกิน ปวดศีรษะ คล้ายจะเป็นลมและจะล้มในยามก้าวเดิน


และนับว่าโชคดีที่ลูกสาวคนโตกลับมา ทำให้อาการคลื่นไส้ อาเจียน หงุดหงิด กระวนกระวายดูจะลดลง ในระหว่างสนทนากับ 1600 “ฉันไม่ช็อคแน่นะ” คุณพัตรถามเพื่อความมั่นใจ แม้เธอจะบอกว่า “ไม่ไหว” แต่ก็ยืนยันว่า “จะสู้ จะทำเพื่อลูก” พร้อมรับปาก “เลิกแน่ๆ เต็มร้อย”

“ต้องสู้ ถ้าสูบไปมันตายแน่ มันเจ็บหัวใจ”


หลังตัดขาดจากบุหรี่ แต่สามีเธอก็ยังสูบอยู่ ทุกครั้งต้องบอกให้ไปสูบไกลๆ อย่ามาให้เห็น และสามเดือนแรกคุณพัตรเองยอมรับเลยว่า ก็มีบ้างที่คิดอยากกลับไปสูบอีก แต่โชคดีที่ 1600 คอยโทรฯ ไปให้คำแนะนำและให้กำลังใจเป็นระยะๆ อย่างน้อยๆ ทำให้เธอได้มีจิตใจเข้มแข็ง อดทนสู้เพื่อลูกจะได้อยู่กับเขาไปนานๆ แม้บางครั้งต้องทนทุกข์ทรมานกับอาการขาดนิโคตินก็ตาม

ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจ คุณพัตรย้ำอีกครั้งว่า ตอนนี้ฉันมั่นใจ ฉันเลิกบุหรี่ได้แน่ เพราะมีลูกเป็นแรงจูงใจที่สำคัญในการ “หักดิบ” 


“หักดิบ” เป็นการเลิกบุหรี่ให้สำเร็จด้วยตัวเองซึ่งจะสามารถทำได้หรือไม่นั้น สำคัญอยู่ที่ “ความตั้งใจจริง” คุณจะติดมานานแค่ไหนหรือสูบจัดมากเพียงใด “หักดิบ” พิสูจน์แล้วว่า “ใช้ได้” อีกทั้ง แรงจูงใจที่สำคัญช่วยเกื้อหนุนให้เลิกบุหรี่ได้สำเร็จเพื่อสุขภาพและอยู่กับคนที่คุณรักตราบนานเท่านาน


 


 


 

Shares:
QR Code :
QR Code