แพทย์ เตือนเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ป่วยไข้สุกใสได้

ที่มา :  สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์


แพทย์ เตือนเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ป่วยไข้สุกใสได้ thaihealth


แฟ้มภาพ


จากข้อมูลการเฝ้าระวังโรคในพื้นที่พบการระบาดของโรคไข้สุกใสในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ประกอบกับโรคนี้มักเกิดการระบาดในช่วงฤดูหนาวซึ่งโรคนี้สามารถติดต่อได้จากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยและสามารถติดต่อกันได้ง่ายเหมือนไข้หวัดที่สำคัญคือกลุ่มเสี่ยงควรต้องหลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการเพราะอาจทำให้มีอาการแทรกซ้อนที่รุนแรงได้


นายแพทย์ธีรวัฒน์  วลัยเสถียร  ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่7  จังหวัดขอนแก่น เผยแพร่ข้อมูลการเฝ้าระวังโรคในพื้นที่รับผิดชอบได้แก่ จังหวัดขอนแก่น ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ และมหาสารคามตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2562 มีรายงานผู้ป่วยโรคไข้สุกใสในพื้นที่จำนวนทั้งสิ้น 276 ราย กลุ่มอายุที่พบสูงสุดคือ กลุ่มอายุ 5-9ปีรองลงมาคือ แรกเกิด 4ปี และ 10-14 ปีตามลำดับ ไม่มีรายงานผู้ป่วยเสียชีวิต พบผู้ป่วยเพศชาย มากกว่าเพศหญิงสำหรับโรคไข้สุกใสเกิดจากเชื้อไวรัส สามารถติดต่อผ่านการหายใจ เอาละอองเสมหะน้ำลายน้ำมูกของผู้ป่วยเข้าไป หรือการใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย หรือโดยการสัมผัสตุ่มน้ำพองใสที่ผิวหนังผู้ป่วยจะเริ่มปรากฏอาการหลังได้รับเชื้อเข้าไป2-3วันโดยเด็กจะมีไข้ต่ำๆ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ผู้ใหญ่จะมีไข้สูงปวดเมื่อยตามตัวจากนั้นจะมีผื่นขึ้นที่ศีรษะใบหน้าแขนขาหน้าอกแล้วเปลี่ยนเป็นตุ่มน้ำพองใสในวันที่2-3นับแต่วันเริ่มมีไข้หลังจากนั้นตุ่มใสจะเป็นหนองแห้งและตกสะเก็ดและจะหลุดเองภายใน 5-20 วัน อาจมีผื่นขึ้นในคอปาก


โดยทั่วไปโรคนี้มักไม่มีอาการที่รุนแรงยกเว้นกลุ่มเสี่ยงที่อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ คือ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่กำเนิดผู้ที่กินยากดภูมิต้านทานทารกแรกเกิด สตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ผู้ป่วยโรคมะเร็งผู้ป่วยที่กำลังรักษาด้วยเคมีบำบัด โรคไข้สุกใส ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรงและหายได้เอง สำหรับผู้ป่วยที่เริ่มมีอาการ ควรแยกตัวออกจากผู้อื่นโดยเร็ว เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ ควรพักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำมากๆ ถ้ามีไข้สูง ควรใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวบ่อยๆถ้ามีอาการคันให้รับประทานยาแก้แพ้และทายาคารามายด์ ดูแลรักษาผิวหนังให้สะอาด ตัดเล็บให้สั้น ไม่ควรแกะตุ่มหนองเพราะจะทำให้อักเสบ ควรสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อจำเป็นต้องคลุกคลีกับผู้อื่น เด็ก หรือผู้ใหญ่ ควรให้หยุดเรียนหรือหยุดงานเป็นเวลา 1 สัปดาห์ จนกว่าแผลจะตกสะเก็ดและหลุดไป หากมีอาการผิดปกติได้แก่ ซึมลง มีไข้สูงเกินกว่า 3วัน รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำไม่ได้ ควรรีบพบแพทย์ สำหรับการป้องกันที่ดีที่สุดคือ การแยกตัวจากผู้อื่นตั้งแต่เริ่มมีอาการ พร้อมกับดูแลอนามัยส่วนบุคคล ล้างมือบ่อยๆ ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น หลีกเลี่ยงคลุกคลีกับผู้ป่วย รับประทานอาหารให้ครบหมู่เพิ่มผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว อาทิ ส้ม สับปะรด ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ทั้งนี้ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์สายด่วนกรมควบคุมโรค1422

Shares:
QR Code :
QR Code