แนะหญิงตั้งครรภ์ ดูแลสุขภาพ ลดเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ


แนะหญิงตั้งครรภ์ ดูแลสุขภาพ ลดเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 thaihealth


แฟ้มภาพ


"หญิงตั้งครรภ์" เป็นอีกหนึ่งกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสติดโควิด-19 จำนวนมาก โดยล่าสุด (19 ส.ค.2564) พบว่า มีหญิงตั้งครรภ์เสียชีวิตถึง 3 คน และข้อมูลตั้งแต่ระหว่าง 1 เม.ย.- 18 ส.ค.2564 พบว่า หญิงตั้งครรภ์ติดโควิด 2,327 ราย เสียชีวิต 53 ราย ทารกติดเชื้อ 119 ราย เสียชีวิต 23 ราย ในจำนวนนี้ได้รับวัคซีนแล้ว 22 ราย ซึ่งหญิงตั้งครรภ์มีโอกาสเสี่ยง อาการหนักกว่าคนทั่วไปถึง 3 เท่า และเสียชีวิต 1.5-8 คนใน 1,000 คน


นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมสุขภาพ และโฆษกกรมอนามัย แถลงสถานการณ์โรคโควิด-19 และการฉีดวัคซีนในหญิงตั้งครรภ์ ว่าการติดเชื้อหญิงตั้งครรภ์ เฉลี่ยวันละ 2-3 ราย และไม่ได้ เสียชีวิตเฉพาะหญิงตั้งครรภ์แต่ทารกในครรภ์ก็เสียชีวิตร่วมด้วย โดยขณะนี้มีหญิงตั้งครรภ์ ได้ฉีดวัคซีนประมาณ 20,000 กว่าคน แต่ในจำนวนดังกล่าวก็ได้ไม่ถึง 10%


สถานการณ์โควิด-19 ในหญิงตั้งครรภ์ หญิงหลังคลอด 6 สัปดาห์และทารกแรกเกิดระหว่าง 1 เม.ย.-18 ส.ค.2564 พบว่า หญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อ 2,327 ราย แบ่งเป็นคนไทย 1,590ราย คนต่างด้าว 737 ราย เคยรับวัคซีน 22 ราย ซึ่งในจำนวนหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อ เสียชีวิต 53 ราย แบ่งเป็นคนไทย 40 ราย ต่างด้าว 10 ราย ไม่ระบุ 3 ราย ขณะที่ทารกติดเชื้อ 119 ราย เสียชีวิต 23 ราย


ใน 10 จังหวัดที่มีหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ กทม. 462 ราย สมุทรสาคร 356 ราย ปทุมธานี 97 ราย ยะลา 82 ราย สงขลา 80 ราย พระนครศรีอยุธยา 76 ราย นราธิวาส 75 ราย สมุทรปราการ 74 ราย ขอนแก่น 56 ราย และสุรินทร์ 50 ราย


นพ.เอกชัย กล่าวต่อว่าเมื่อวิเคราะห์จากการตายของมารดาที่ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 53 ราย พบว่า ปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ อ้วน  8 ราย อายุ 35 ปีขึ้นไป 13 ราย เบาหวาน 3 ราย ความดันโลหิตสูง 3 ราย ใช้สารเสพติด 1 ราย โรคธาลัสซีเมีย 3 ราย ส่วนแหล่งสัมผัสเชื้อ ส่วนใหญ่ติดเชื้อมาจากบุคคลในครอบครัว 12 ราย สถานที่ทำงาน 7 ราย ตลาด 3 ราย งานเลี้ยง 1 ราย ไม่มีข้อมูล 30 ราย


ขณะนี้ มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับสตรีตั้งครรภ์ติดเชื้อมากมาย ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้รวบรวมคำถามและไขข้อข้องใจดังนี้ สตรีตั้งครรภ์ ถ้าติดโควิด-19 มีความเสี่ยงมากกว่า คนทั่วไปถึง 3 เท่า โดยมีโอกาสเข้าห้องไอซียู สูงกว่า 2-3 เท่า ใช้เครื่องช่วยหายใจสูงกว่า 2.6-2.9 เท่า เสียชีวิต 1.5-8 คน ใน 1,000 คน  ขณะเดียวกันถ้าหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อ จะมีผลต่อลูกในหลายอย่าง อาทิ คลอดลูกก่อนกำหนด 1.5 เท่า เด็กตายคลอด 2.8 เท่า ลูกต้องเข้าไอซียู 4.9 เท่า ลูกติดเชื้อได้ 3-5% แต่ส่วนใหญ่ของเด็กที่ติดเชื้อจะไม่มีอาการ


สตรีตั้งครรภ์ควรจะไปตรวจหาเชื้อโควิด หากมีคนในครอบครัวติดเชื้อ และหากมีอาการ เช่น ไข้ ไอ หายใจติดขัด เจ็บคอ มีน้ำมูก และเบื้องต้นขอให้ตรวจ ATK แต่ถ้าหาไม่ได้ก็ไปสถานพยาบาลใกล้บ้าน สำหรับอาการที่หญิงตั้งครรภ์ติดโควิด พบว่ามี ดังนี้ 50% จะมีอาการไอ 43% ปวดศีรษะ 37% ปวดกล้ามเนื้อ 32% ไข้ 28% เจ็บคอ 26% หายใจเหนื่อย 22% จมูกไม่ได้กลิ่นหรือลิ้น และ 14% อ่อนเพลีย


หากสตรีตั้งครรภ์ติดเชื้อหาก เป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว ไม่แสดงอาการหรืออาการน้อย ขอให้แยกกักตัวรักษาที่บ้าน แต่หากมีอาการมากขึ้นขอให้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพื่อแยกจากคนที่ไม่ติดเชื้อ ประเมินอาการและความรุนแรงของโรค ให้การรักษาร่วมกับทีมอายุรแพทย์


นอกจากนั้นสตรีตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อ สามารถคลอดได้ปกติ ไม่ต้องผ่าท้องคลอด สามารถให้การระงับความรู้สึกด้วยการบล็อกหลังได้ และการผ่าท้องคลอดจะทำตามข้อบ่งชี้ที่แพทย์เป็นผู้พิจารณาเท่านั้น หากติดเชื้อหลังคลอด หากไม่พบเชื้อ ในตัวลูกมารดาสามารถกอดและ อุ้มลูกได้ แต่ควรงดหอมแก้มลูก และควรสวมหน้ากากตลอดเวลา ล้างมือก่อน และหลังจับตัวลูก ที่สำคัญต้องไม่ไอหรือ จามใส่ลูก เช็ดทำความสะอาดพื้นผิวที่สัมผัสด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค หากพบว่าลูกติดเชื้อรุนแรงจะต้องแยกไปรักษาที่หอผู้ป่วยเด็กแรกเกิด


นพ.เอกชัย กล่าวด้วยว่าถ้าแม่ติดเชื้อสามารถให้ลูกดูดนมจากเต้าได้ แต่แม่ต้องสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือก่อนและหลังจับตัวลูก หลีกเลี่ยงการไอ จาม เช็ดทำความสะอาดพื้นผิวหรือวัตถุที่สัมผัสด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ หรือใช้วิธีปั๊มนมออกมาแล้วให้ญาติหรือพี่เลี้ยงเอาไปให้ลูกกิน แต่หากแม่ที่ติดเชื้อและได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ จะต้องงดให้นมลูก


ที่สำคัญสตรีตั้งครรภ์ควรรีบฉีด วัคซีน ซึ่งสามารถฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ โดยแนะนำให้ฉีดหลังอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้น ซึ่งชนิดของวัคซีน ใช้ได้หลากหลาย เช่น ซิโนแวค+แอสตร้าเซนเนก้า หรือแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม หรือ mRNA 2 เข็ม


ส่วนผลข้างเคียงของวัคซีน พบได้น้อยและไม่แตกต่างจากคนทั่วไป หลีกเลี่ยงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดพร้อมกับวัคซีนชนิดอื่นๆ ยกเว้นจำเป็น การฉีดวัคซีนชนิดอื่นควรเลื่อนไปอย่างน้อย 2 สัปดาห์


ส่วนถ้าฉีดวัคซีนป้องกันโควิดไปแล้ว พบว่าตั้งครรภ์สามารถใช้ชีวิตได้ปกติ เพราะปัจจุบันไม่พบว่าวัคซีนทำให้เกิดทารกพิการแต่กำเนิด แต่ให้เลื่อนการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ออกไปฉีดในช่วงหลังเมื่ออายุครรภ์เกิน  12 สัปดาห์แล้ว


อย่างไรก็ตาม การดูแลรักษาหญิง ตั้งครรภ์ต้องปฏิบัติตามมาตรการ DMHTT ในครอบครัวที่มีความเสี่ยงอย่างเคร่งครัด ประเมินไทยเซฟไทย ถ้ามีความเสี่ยงตรวจ ATK กำหนดหรือสนับสนุนมาตรการWFH ในหญิงตั้งครรภ์


สตรีตั้งครรภ์ ติดโควิด-19 มีโอกาสเข้าห้องไอซียูสูงกว่าคนทั่วไป 2-3 เท่า ใช้เครื่องช่วยหายใจสูงกว่า 2.6-2.9 เท่า เสียชีวิต 1.5-8 คน ใน 1,000 คน

         

Shares:
QR Code :
QR Code