แนะวัยรุ่นไทยมีรักอย่างปลอดภัย
ในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ หรือ วันแห่งความรักนับเป็นโอกาสดีที่เยาวชนไทยจะได้แสดงความรัก ความห่วงใย และความปรารถนาดีต่อกันและกัน บางส่วนจะแสดงออกโดยการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างกันทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทำให้เกิดปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และ เอดส์ ตลอดจนนำไปสู่การตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับหน่วยงานเครือข่าย จัดกิจกรรมรณรงค์ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และเอดส์ พร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ โดยใช้คำขวัญ “รักจริงต้องใส่ใจ รักปลอดภัยต้องป้องกัน” เพื่อสร้างกระแสความตื่นตัวในการป้องกันคนที่รักให้ปลอดภัยจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เอดส์ และการตั้งครรภ์โดยที่ยังไม่พร้อม และตระหนักได้ว่าโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และเอดส์เป็นเรื่องใกล้ตัว
ดร. นพ. พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ปัจจุบันการใช้ชีวิตของกลุ่มเยาวชนน่าเป็นห่วงมากขึ้น เนื่องจากมีแนวโน้มการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพิ่มสูงขึ้น รวมไปถึงปัญหาการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน คือ ไม่สวมถุงยางอนามัย อันจะนำไปสู่โอกาสในการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และเชื้อเอชไอวีได้ง่าย นอกจากนี้ ยังมีปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์อีกด้วย จากสถิติของคลินิกวัยรุ่น บางรัก กรมควบคุมโรค พบว่า เยาวชนไทยอายุประมาณ 15-24 ปี มาเข้ารับการรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มากที่สุด ทั้งโรคหนองใน (gonorrhea) และโรคซิฟิลิส (syphilis) ซึ่ง 4 ใน 5 ของจำนวนผู้ป่วยเป็นเพศหญิง เนื่องจากเป็นฝ่ายถูกกระทำจึงทำให้มีการติดเชื้อได้ง่าย เป็นสาเหตุให้เกิดโรคต่างๆ อีกมากมาย อาทิ รังไข่อักเสบ ปีกมดลูกอักเสบ เป็นหมัน จนกระทั่งการเสียชีวิต
นอกจากนี้ กรมควบคุมโรค ยังได้ทำการสำรวจเยาวชนไทยทุกๆ ปี โดยการตอบคำถาม มีประเด็นคำถามสำคัญ 3 ข้อ คือ 1. มีเพศสัมพันธ์แล้วหรือไม่ 2. มีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนมากกว่า 1 คนหรือไม่ 3. ใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์หรือไม่ ผลปรากฏว่า 1 ใน 6 ของวัยรุ่น ยอมรับว่าเคยมีคู่นอนมากกว่า 1 คน โดยครึ่งหนึ่งในจำนวนนั้นไม่ใช้ถุงยางอนามัย ส่งผลให้เยาวชนไทยมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากเพศสัมพันธ์ ทั้งเชื้อโรคติดต่อทาง เพศสัมพันธ์ เอชไอวี/หรือการตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ต่อไป
“สิ่งที่ผมเป็นห่วงวัยรุ่นไทยมากที่สุดในขณะนี้คือ การตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ ล้วนเกิดจากการใช้วิธีคุมกำเนิดไม่ถูกต้อง หรือไม่ได้ใช้วิธีการป้องกัน ขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการร่วมเพศ คิดว่าร่วมเพศ ครั้งเดียวไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ รวมทั้งคิดว่าการใช้ถุงยางอนามัย ขัดขวางความรู้สึกทางเพศ ซึ่งในขณะนี้ จากการตั้งครรภ์ในประเทศไทยเฉลี่ยประมาณ 600,000 คนต่อปี แต่สิ่งที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง คือ 1 ใน 4 หรือประมาณ 160,000 คน เป็นแม่ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี และในจำนวนนี้กว่า 80% ยังไม่ได้แต่งงาน และฐานะทางครอบครัวยังไม่มั่นคงที่พร้อมที่จะมีบุตร โดยสาเหตุดังกล่าว เกิดจากการขาดความรู้ในการคุมกำเนิด จึงไม่ได้ป้องกันขณะมีเพศสัมพันธ์ ส่งผลให้เป็นสาเหตุใหญ่ที่นำมาซึ่งการทำแท้งที่ระบาดอยู่ในสังคมไทย”
ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ ยังกล่าวอีกว่า ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคเอดส์ในประเทศไทย มีจำนวนผู้ป่วยสะสมรวมกว่า 1,100,000 ราย และยังคงมีชีวิตอยู่ประมาณ 480,000 ราย โดยพบว่า กลุ่มที่มีโอกาสติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ มากที่สุด คือ กลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย เนื่องจากการร่วมเพศทางทวารหนัก มีความเสี่ยงต่อการติดโรคมากที่สุด เพราะมักมีการถลอกของอวัยวะเพศชาย และผิวทวารหนักเป็นช่องทางให้เชื้อเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย ส่งผลให้ติดเชื้อได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มพนักงานบริการ เยาวชนที่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ ผู้ใช้ยาเสพติดด้วยวิธีฉีด และผู้ที่ป่วยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ในส่วนของการดูแลรักษา ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรคมีมาตรการสำคัญ ได้แก่ การส่งเสริมการเข้าถึงบริการสุขภาพ การบริการตรวจรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การตรวจค้นหาและคัดกรองผู้ติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และ เอชไอวี/เอดส์ การควบคุมโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในแหล่งแพร่โรค นอกจากนี้ กรมควบคุมโรคยังได้รับงบประมาณจากทางรัฐบาล เพื่อนำไปจัดซื้อถุงยางอนามัยแจกจ่ายไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ทั้งสถานพยาบาลของรัฐ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และสถานีอนามัยต่างๆ เพื่อรณรงค์ให้มีการใช้ถุงยางอนามัยในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และเอชไอวี/เอดส์ ได้อย่างทั่วถึง
ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค ได้กำหนดแนวทางการป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรและการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ โดยการเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจ นำสู่การมีพฤติกรรมสุขภาพในการป้องกันการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และเอดส์ ตลอดจนการตั้งครรภ์โดยที่ยังไม่พร้อม และยังแนะแนวทางการปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์จากฝ่ายชาย โดยแบ่งเป็น 3 ข้อ ดังนี้
ขั้นแรก ควรหลีกเลี่ยงการไปเที่ยวตามลำพังกับฝ่ายชาย และควรหลีกเลี่ยงการถูกเนื้อต้องตัว รวมทั้งการออกเที่ยวหรือเดินทาง ในยามวิกาล ขั้นที่สอง คือ ควรไปสถานที่ที่มีผู้คนจำนวนมาก และอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ และขั้นที่สาม หากฝ่ายชายรบเร้าขอมีเพศสัมพันธ์ ควรรู้จักการปฏิเสธและเจรจาต่อรองต่อคู่รักของตนเองอย่างเด็ดเดี่ยวและหนักแน่น เพื่อสร้างอำนาจการต่อรองในการหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับคู่ของตนเอง
“ผมอยากจะขอให้ผู้ปกครอง ผู้มีส่วนร่วมต่อสังคม รวมไปถึงหลายหน่วยงานต่างๆ ช่วยกันประชาสัมพันธ์ ความรู้ความเข้าใจของการมีเพศสัมพันธ์ที่ถูกต้อง และมุ่งเน้นให้โรงเรียนมีการจัดการเรียนการสอน และจัดกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างความรู้เรื่องเพศศึกษา เพื่อให้เยาวชนและประชาชนทั่วไป ได้รับทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และเอดส์ และปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้อง ตลอดจนการสร้างภาพลักษณ์และทัศนคติในเชิงบวกของการพกถุงยางอนามัย เพื่อลดอัตราการเกิดโรคติดต่อจากเพศสัมพันธ์และเอดส์ รวมไปถึงป้องกันปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ และที่สำคัญ ผมขอให้เยาวชนไทยพึงระลึกอยู่เสมอว่าตนเองเป็นที่รักของพ่อแม่ อีกทั้งยังเป็นความหวังของประเทศชาติ จึงควรมอบความรักที่บริสุทธิ์และความรักที่ปลอดภัยต่อกันและกัน” ดร.นพ.พรเทพ กล่าวในตอนท้าย
ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน