แนะรับน้องสร้างสรรค์ เคารพความเป็น’มนุษย์’
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
แฟ้มภาพ
"ต้องคิดถึงความเข้มแข็งของรุ่นน้อง ที่แตกต่างกันด้วยจะได้ไม่ต้องเสียใจ เมื่อถูกฟ้องร้อง"
ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการ"รับน้อง" ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี ทั้งความสูญเสียและเรื่องที่กระทบต่อสภาพจิตใจ ยังคง ไม่หมดไปจากแวดวงการศึกษา ซึ่ง นต.นพ. บุญเรืองไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต มองว่าในช่วงเปิดภาคเรียน ปัญหา ที่ตามมาในทุกปีคือ รูปแบบการรับน้อง ที่ไม่สร้างสรรค์ ทั้งการสร้างความอับอาย หรือบางกิจกรรมปะปนแต่เรื่องทางเพศ หรือใช้ความรุนแรงทั้งร่างกาย และวาจา ทั้งหมดนี้เป็นการลดคุณค่า ของความเป็นมนุษย์และละเมิด สิทธิมนุษยชน
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังมีสถาบัน การศึกษาหลายแห่ง ที่คงไว้ซึ่งข้อดีของระบบการรับน้อง เช่น มีแนวคิดว่า เป็นการรับเพื่อนใหม่มากกว่าการรับน้อง ใช้รูปแบบกิจกรรมเชิงบวกและสร้างสรรค์ ให้พี่รหัสคอยดูแลน้องรหัสเรื่องการเรียน เป็นต้น ซึ่งควรชื่นชมและนำเป็นแบบอย่าง
ทั้งนี้ ในสถานศึกษาอาจมีการ "รับน้อง" ตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษา โดยจัดกิจกรรมและบรรยากาศที่สร้างสรรค์ เพื่อเป็นการปลูกฝังวัฒนธรรมในการช่วยเหลือกัน โดยเฉพาะรุ่นพี่ที่ควรช่วยเหลือรุ่นน้อง หรือคนที่อยู่โรงเรียนนั้นมาก่อนควรให้คำแนะนำ ดูแลคนที่เพิ่งเข้าเรียนใหม่ เป็นต้น ซึ่งสถานศึกษา ต้องสนับสนุนให้เกิดกิจกรรมอย่างสร้างสรรค์นี้ขึ้น
"ขอแนะนำรุ่นพี่ให้พึงตระหนักถึงความเข้มแข็งทางจิตใจของรุ่นน้องที่ แตกต่างกันด้วย เนื่องจากแต่ละคนย่อม มาจากสภาพแวดล้อม ครอบครัว และความเป็นอยู่ที่แตกต่างกัน มีความเปราะบาง ทางจิตใจต่างกัน บางคนอาจทนไม่ได้ใน สิ่งที่คนส่วนมากทนได้ จะได้ไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง เมื่อต้องตกเป็นจำเลยของสังคมหรือถูกฟ้องร้อง"
ทั้งนี้ ทางที่ดี ทั้งผู้ปกครอง ครูอาจารย์ รวมทั้งรุ่นพี่ควรช่วยกันดูแล ประคับประคอง ให้น้องใหม่ผ่านพ้นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตที่เปลี่ยนผ่านจากนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายมาเป็นนิสิตนักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยจะดีกว่า"
นต.นพ.บุญเรือง กล่าวด้วยว่าการเป็นนักศึกษาในสถานที่ใหม่นักศึกษา อาจเกิดความเครียด ความกดดันและ ความวิตกกังวลในการปรับตัวต่อสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย ผู้ที่บุคลิกภาพไม่เข้มแข็ง อาจจะถูกชักจูงไปในทางที่ไม่ดีได้ รุ่นพี่จึงควรมาช่วยกันดูแลมากกว่าสร้างความหวาดกลัว สร้างความกดดันให้มากยิ่งขึ้น
ด้าน นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์หัวหน้ากลุ่มที่ปรึกษากรมสุขภาพจิตและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า การออกคำสั่ง คาดโทษ หรือลงโทษกับรุ่นพี่หรือผู้ที่เผยแพร่ภาพกิจกรรม รับน้องตามข่าวหรือแม้แต่เด็กผู้ร่วมกิจกรรม สถาบันการศึกษาอาจต้องกลับไปทบทวนถึง ค่านิยม และปรัชญา ขององค์กร ในการผลิตหรือสร้างคนที่ต้องเห็นถึงคุณค่าในตนเอง เคารพตนเอง เห็นคุณค่าของ ผู้อื่น เคารพศักดิ์ศรีของผู้อื่น
"สำหรับระบบการรับน้อง ที่ต้องสะท้อนถึงปรัชญาของสถานศึกษานั้นจริง ๆ ควรปรับรูปแบบการรับน้องให้เป็นกิจกรรมเชิงบวกและสร้างสรรค์ให้มากขึ้น เช่น ให้พี่ดูแลน้อง หรือออกไปทำกิจกรรมจิตอาสาร่วมกัน เป็นต้น แต่หากยอมรับรุ่นพี่ที่ทำไม่ถูกจากระบบการรับน้องที่ไม่สร้างสรรค์ย่อมเป็นพื้นฐานต่อการใช้อำนาจโดยไม่มีเหตุผล ให้คนยอมจำนนต่อสิ่งที่ผิด สร้างระบบพวกพ้อง ก่อให้เกิดการสร้างปัญหาอื่นๆ ตามมาได้อีก"