แนะกินเจสุขภาพดี ชูเมนู ถั่วเมล็ดแห้ง น้ำพริกเจ กินคู่กับผักสด

 

          นักโภชนาการ แนะเตรียมกินเจอิ่มบุญ สุขภาพดี เลี่ยงกินซ้ำ แป้งเยอะ ผัด ทอด น้ำมัน เตือนเตรียมร่างกายก่อนเข้าเจป้องกันท้องอืด ชูเมนู ถั่วเมล็ดแห้ง น้ำพริกเจ กินคู่กับผักสด ชี้เด็กไม่ควรกินเจ ผู้สูงอายุ เน้นอาหารย่อยง่าย 

 

 

          นายสง่า ดามาพงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ และผู้จัดการโครงการโภชนาการสมวัย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ในเทศกาลกินเจปีนี้ระหว่างวันที่ 15-23 ต.ค. ถือเป็นช่วงเวลาในการทำใจให้บริสุทธิ์ นอกจากจะได้บุญ การรับประทานเจให้ได้สุขภาพแข็งแรงจำเป็นต้องกินอย่างถูกวิธี เพราะพบว่าหลังกินเจบางคนน้ำหนักขึ้น ซึ่งหลักการกินเจให้ถูกวิธีคล้ายกับหลักการกินให้ถูกโภชนาการ คือ กินให้ครบ หมู่ รับประทานให้หลากหลาย ป้องกันการขาดสารอาหาร และหลีกเลี่ยงอาหารบางกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มแป้ง การเตรียมพร้อมก่อนกินเจ ควรเริ่มก่อน วัน โดยกินเนื้อสัตว์ใหญ่ให้น้อยลง เปลี่ยนมากินเนื้อที่ย่อยง่าย เช่น ปลา นม และไข่แทน เพื่อให้ร่างกายค่อยๆ ลดปริมาณน้ำย่อยลง และเพิ่มปริมาณผักขึ้น เพื่อให้ร่างกายสามารถปรับตัวได้ไม่เกิดอาการท้องอืด

 

          นายสง่า กล่าวว่า การกินเจจะทำให้ได้รับโปรตีนจากพืช ซึ่งให้คุณค่าทางโภชนาการใกล้เคียงกับโปรตีนจากสัตว์ เพราะโปรตีนจากพืชมีกรดอะมิโนใกล้เคียงกับสัตว์ อย่างกรดอะมิโน เมทไทโอนิน (methionine) กับไลซีน (lysine) ซึ่งกรดอะมิโนชนิดนี้มีอยู่ในข้าวกล้อง ถ้ากินควบคู่กับอาหารเจทำให้ได้รับสารอาหารครบถ้วน ที่สำคัญโปรตีนจากพืชไม่มีคอเรสเตอรอล เหมือนกับเนื้อสัตว์ แต่มีกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย ดังนั้นหากเลือกอาหารที่มีโปรตีนสูงก็สามารถทดแทนเนื้อสัตว์ได้ เช่น ถั่วเมล็ดแห้ง โดยอะมิโนในผักจะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันโรค มีวิตามิน แร่ธาตุและสารต่อต้านอนุมูลอิสระ เช่น ไฟโตรนิวเทรียนส์ที่มีในผักและผลไม้เท่านั้น ซึ่งจะช่วยลดอัตราเสี่ยงการเป็นมะเร็งด้วย

 

           “สิ่งสำคัญที่สุดในการกินเจ คือ การเลือกอาหาร ส่วนใหญ่ผัก ผลไม้ มีประโยชน์เกือบทุกอย่าง เพียงแต่ต้องเลือกอาหารที่สด สะอาด และหวานน้อย รวมทั้งหลีกเลี่ยงอาหารประเภทผัด ทอด ซึ่งใช้น้ำมันเยอะ เปลี่ยนมาทานประเภท ต้ม นึ่ง หรือ อบ ส่วนอาหารเจที่ผ่านการต้มซ้ำแล้วซ้ำอีก น้ำต้มจะระเหยเหลือเพียงความเค็มเท่านั้น จึงต้องระวังเรื่องความเค็ม ที่จะมีผลต่อความดันโลหิต หากเป็นไปได้ ขอแนะนำให้กินอาหารไทยพวกน้ำพริกเจ กินคู่กับผักสด ผักพื้นบ้าน นอกจากจะมีประโยชน์แล้วยังไม่มีสารพิษเจือปน หรือกินข้าวกล้องเพราะมีคุณค่าทางโภชนาการสูงมากนายสง่า กล่าว

 

          นายสง่า กล่าวว่า สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า ปี เป็นวัยที่ไม่เหมาะสมต่อการกินเจ เพราะโอกาสที่เด็กจะขาดสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมีมาก เนื่องจากเด็กวัยนี้เป็นวัยที่กำลังเจริญเติบโต สมองและร่างกายต้องได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ เด็กๆ ไม่สามารถปรับตัวได้เหมือนกับผู้ใหญ่ หรืออาจให้กินได้แต่ต้องไม่เคร่งครัด ต้องให้กินนมและไข่ด้วย สำหรับเด็กอายุ ขวบขึ้นไปจนถึงวัยเรียน สามารถกินได้แต่ต้องไม่เคร่งครัด และต้องมั่นใจว่าเด็กได้รับโปรตีนอย่างเพียงพอ กินนมและไข่ได้ ส่วนเด็กอายุ 14 ปี ขึ้นจนถึงผู้ใหญ่และผู้สูงอายุสามารถกินได้ตามปกติ แต่สำหรับผู้สูงอายุควรเน้นอาหารเจที่ย่อยง่าย

 

 

 

ที่มา : สำนักข่าวสสส.

 

Shares:
QR Code :
QR Code