แฉบุหรี่จ่ายสินบนล้มคุมยาสูบ

ร่วมมืออาเซียน ป้องกันการแทรกแซงด่วน

 

แฉบุหรี่จ่ายสินบนล้มคุมยาสูบ

          แฉข้อมูลองค์การอนามัยโลก บริษัทบุหรี่แทรกแซงหน่วยงานรัฐ หาช่องล้มนโยบายควบคุมยาสูบ

 

          น.ส.บังอร ฤทธิภักดี ผู้อำนวยการเครือข่ายนักรณรงค์เพื่อการควบคุมการบริโภคยาสูบแห่งเอเชียอาคเนย์ เปิดเผยว่า จากการศึกษาขององค์การอนามัยโลก ได้มีการศึกษาพบว่าบริษัทบุหรี่ได้มีความพยายามอย่างต่อเนื่องในการบ่อนทำลายและขัดขวางการควบคุมยาสูบทั้งเปิดเผยและซ่อนเร้น

 

          น.ส.บังอร กล่าวอีกว่า วิธีการที่บริษัทเหล่านี้ใช้ประกอบด้วย ให้สินบน วิ่งเต้นกับเจ้าหน้าที่รัฐโดยตรงหรือโดยอ้อม ผ่านตัวแทนหรือองค์กรบังหน้าและสื่อ หาทางมีส่วนร่วมในองค์กรที่มีส่วนกำหนดนโยบายเพื่อขัดขวางการควบคุมยาสูบ สร้างความชอบธรรมในการที่จะมีส่วนร่วม สร้างความสับสนกับงานวิจัย ทำลายข้อมูลอันตรายของยาสูบต่อสุขภาพเพื่อประโยชน์ในการคัดค้านการออกกฎหมาย

 

          องค์การอนามัยโลกจึงกำหนดมาตรา 5.3 ของอนุสัญญาควบคุมยาสูบ ให้ประเทศภาคีสมาชิกต้องสร้างเกราะป้องกันไม่ให้บริษัทบุหรี่เข้ามามีส่วนหรือมีอิทธิพลต่อการกำหนดนโยบายควบคุมยาสูบของประเทศน.ส.บังอร กล่าว

 

          นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า มีหลักฐานพบว่า ประเทศในอาเซียนส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากการแทรกแซงนโยบายควบคุมยาสูบจากบริษัทบุหรี่ ทำให้อัตราการสูบบุหรี่ยังอยู่ในระดับที่สูง โดยอาเซียนมีผู้สูบบุหรี่รวม 125 ล้านคน หรือ 10% ของผู้สูบบุหรี่ทั่วโลก

 

          รัฐบาลไทยยังจะต้องดำเนินการภายใต้ข้อตกลงมาตรา 5.3 อีกหลายข้อ เช่น การประชาสัมพันธ์ให้ทุกหน่วยงานทราบถึงกลยุทธ์การแทรกแซงนโยบายของบริษัทบุหรี่ การจำกัดการที่เจ้าหน้าที่รัฐจะพบปะกับผู้แทนบริษัทบุหรี่ การออกกฎหมายเพื่อกำหนดให้บริษัทบุหรี่ ต้องเปิดเผยข้อมูลด้านการค้าและการตลาดต่อรัฐบาล การกำหนดนโยบายหรือกฎระเบียบห้ามหน่วยงานรัฐรับบริจาคหรือการสนับสนุนจากบริษัทบุหรี่ การห้ามหน่วยงานรัฐยุ่งเกี่ยวใดๆ กับบริษัทบุหรี่ เป็นต้นนพ.ประกิต กล่าว

 

          ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 27 – 28 ก.พ. นี้ เครือข่ายนักรณรงค์เพื่อการควบคุมการบริโภคยาสูบแห่งเอเชียอาคเนย์จะมีการสัมมนา การป้องกันการแทรกแซงนโยบายควบคุมยาสูบโดยบริษัทบุหรี่ ณ สวนสามพราน จ.นครปฐม โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจากกลุ่มประเทศอาเซียน 10 ประเทศ

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

 

 

update 27-02-52

 

Shares:
QR Code :
QR Code