เสริมทักษะชีวิตวัยรุ่น ป้องกันท้องไม่พร้อม
ที่มา : ข่าวสด
แฟ้มภาพ
"15 ปี" คืออายุเฉลี่ยที่เด็กไทยมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ตัวเลขอาจดูน่าตกใจ แต่เมื่อนึกถึงจำนวนคุณแม่วัยใสที่เรารับรู้ผ่านข่าวสารหรือในชีวิตจริง ตัวเลขดังกล่าวดูจะไม่เกินเลยไปนัก ทั้งยังอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ดี คำถามสำคัญคือเราจะทำอย่างไรกับสถานการณ์นี้ได้บ้าง
สำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะศูนย์กลางพัฒนาวิชาการด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ พยายามแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่องในหลายมิติ ทั้งการมอบบริการคุมกำเนิดเพื่อป้องกันปัญหาอย่างตรงไปตรงมาและเห็นผลทันที และวิธีการที่อาจใช้เวลานานกว่าแต่จะได้ผลในระยะยาว คือการเสริมความรู้และทักษะการใช้ชีวิต เพื่อให้เด็กทุกคนรู้ว่าการคุมกำเนิดเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในการปกป้องและมอบความรักให้ตัวเองที่ทุกคนพึงมี
นพ.มนัส รามเกียรติศักดิ์ รองผู้อำนวยการสำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า "การตั้งครรภ์ในวัยรุ่นถือเป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่ง ทั้งต่อสุขภาพของเด็ก เศรษฐกิจ และสังคม เราจึงมียุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น (พ.ศ.2560-2569) ที่มีเป้าหมายลดอัตราการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นให้เหลือ 25:1,000 คน ในปีพ.ศ.2569 ซึ่งปัจจุบันอัตราล่าสุดอยู่ที่ 31.4:1,000 คน เราคงห้ามเด็กมีเพศสัมพันธ์ไม่ได้ เพราะเพศสัมพันธ์เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน
สิ่งสำคัญจึงเป็นการชี้แนะให้มีเพศสัมพันธ์ช้าลง ด้วยการส่งเสริมให้เด็กเข้าถึงทักษะชีวิตในการดูแลตัวเอง ไม่ใช่แค่เรื่องเพศศึกษาเท่านั้น แต่ให้รู้ว่าจะหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์อย่างไรถ้าตัวเองไม่พร้อมหรือไม่ต้องการ หลีกเลี่ยงการถูกล่วงละเมิด รู้จักการคุมกำเนิดที่เหมาะสม รู้ว่าเมื่อเกิดปัญหาจะต้องทำอย่างไร และสามารถรับรู้และเข้าถึงสิทธิและบริการต่างๆ ที่เราเตรียม ให้ได้"
หนึ่งในนโยบายสำคัญด้านการคุมกำเนิดของกรมอนามัย คือการร่วมมือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มอบบริการการคุมกำเนิดชนิดกึ่งถาวรด้วยการฝังยาคุมกำเนิดและการใส่ห่วงอนามัยให้ฟรีสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีทุกกรณี และสำหรับหญิงวัยเจริญพันธุ์อายุ 20 ปีขึ้นไปในกรณีหลังยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัย รวมทั้งการสนับสนุนค่าบริการการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัยที่สถานบริการเครือข่ายของสปสช. ทั่วประเทศ การคุมกำเนิดประเภทกึ่งถาวรนี้เป็นวิธีที่ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทยแนะนำให้ใช้เนื่องจากสามารถคุมกำเนิดได้ในระยะเวลานาน 3, 5 และ 10 ปี มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดมากถึงร้อยละ 99.5 และที่สำคัญควรใช้ควบคู่กับถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
แม้ภาครัฐจะมีบริการคุมกำเนิดฟรีสำหรับเด็กและเยาวชน แต่ยังมีคนจำนวนมากที่ไม่ทราบถึงบริการดังกล่าว อีกทั้งเด็กหลายคนก็ไม่กล้าเข้าไปปรึกษาเรื่องการคุมกำเนิด เพราะกลัวถูกตัดสินด้วยสายตาของผู้ให้บริการและสังคมรอบข้างว่าเป็นเด็กไม่ดี จึงเป็นที่มาของความพยายามของกรมอนามัยในการวางรากฐานเพื่อปรับเปลี่ยนทัศนคติของสังคมต่อการคุมกำเนิดของเด็กและเยาวชน และการเพิ่มช่องทางการสื่อสารให้เข้าถึงเด็กวัยรุ่นโดยตรงมากยิ่งขึ้น โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและผ่านทางความร่วมมือของหลายภาคส่วน
ล่าสุดกรมอนามัยจึงเปิดตัว TEEN CLUB Official LINE Account เพื่อเป็นศูนย์กลางข้อมูลด้านการคุมกำเนิดและเพศวิถีศึกษาสำหรับวัยรุ่นตอบข้อสงสัยของวัยรุ่นในรูปแบบบทความและวิดีโอ เช็กสิทธิในการเข้ารับบริการด้านการคุมกำเนิด ค้นหาสถานบริการคุมกำเนิด พร้อมบริการสายด่วน 1663 และ Chat Bot เพื่อตอบคำถามวัยรุ่นโดยเฉพาะ สามารถแอดไลน์ TEEN CLUB ได้ที่ https://line.me/R/ti/p/@teen_club หรือค้นหาคำว่า @teen_club
นพ.โอฬาริก มุสิกวงศ์ ประธานแผนพัฒนาระบบบริการสุขภาพสาขาสูติกรรม จ.ปราจีนบุรี กล่าวว่า "ปัจจุบันมีการนำ Telemedicine มาใช้บริการทางการแพทย์มากขึ้น ช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาโดยไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาล TEEN CLUB เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือ Telemedicine ที่เข้ามาช่วยเพิ่มการเข้าถึงข้อมูลความรู้ที่ถูกต้อง ดีกว่าการให้เด็กไปหาข้อมูลเองแล้วเจอข้อมูลผิดๆ หรือเป็นอันตรายทั้งยังช่วยเพิ่มการเข้าถึงข้อมูลด้านการบริการและนโยบายต่างๆ ของ ภาครัฐ ในอนาคตเราอาจเก็บข้อมูลผ่านระบบ Chat Bot ให้ AI ประมวลผลออกมาเป็นคำแนะนำเรื่องการคุมกำเนิดที่เหมาะสมกับเด็กได้
"แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือทัศนคติของทุกคน ทั้งผู้ให้บริการ คุณครู และพ่อแม่ ถ้ามองการวางแผนครอบครัวในทางบวกว่าการที่เด็กเข้ามาหาเราเพราะพวกเขาต้องการความช่วยเหลือ ผมคิดว่าการช่วยเหลือในด้านนี้จะเปลี่ยนไป และจะทำลายทุกอุปสรรคที่มีอยู่" นพ.โอฬาริกกล่าว