เสนอรัฐบาลปรับระบบภาษีสุรา
ใหม่เตรียมรับมือกฎอาฟต้าปีหน้า
“ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา” เผยขึ้นภาษีเหล้ากลางปี 5.8% ทำขี้เมาดื่มลดลงกว่าล้านลิตร ระบุไทยถึงเวลาต้องรื้อระบบภาษีใหม่ รับมือกฎหมายอาฟต้าปี 53 วอนรัฐอย่าหูเบาเชื่อพ่อค้าน้ำเมาเปลี่ยนระบบภาษี
ภก.ดร.สุรศักดิ์ ไชยสงค์ รองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยปัญหาสุรา(ศวส.) กล่าวว่า จากการปรับขึ้นภาษีสุราเมื่อวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา ในเครื่องดื่ม 4 ประเภท ได้แก่ 1.สุราขาว จากราคา 110 บาทต่อขวด ปรับขึ้นเป็น 120 บาทต่อขวด 2.สุราผสม จากราคา 280 บาทต่อขวด ปรับขึ้นเป็น 300 บาทต่อขวด 3.บรั่นดีจาก 45% ปรับขึ้นเป็น 48% 4. เบียร์ จาก55% ปรับขึ้นเป็น 60% โดยรวมแล้วทำให้ราคาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปรับขึ้นถึง 5.8 % และการขึ้นภาษีดังกล่าวทำให้ลดปริมาณการดื่มได้ถึง 1.17 ล้านลิตรของแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ต่อปี โดยเฉพาะเครื่องดื่มประเภทสุราสี ส่งผลให้นักดื่มรายวันลดลง 24,700 คน อย่างไรก็ตาม การขึ้นภาษีครั้งที่ผ่านมาเป็นการขึ้นภาษีแบบไม่เต็มกระดาน อีกทั้งยังมีความแตกต่างของภาษีระหว่างเครื่องดื่มประเภทต่างๆ เช่น ราคาสุราขาวที่ปรับขึ้น 1-2 บาทต่อขวด ซึ่งผู้บริโภคแทบไม่รู้สึก และเกิดการเปลี่ยนเป้าหมายไปสู่เครื่องดื่มที่ราคาน้อยกว่า ทำให้การควบคุมการบริโภคทำได้ไม่เต็มที่
นพ.ทักษพล ธรรมรังสี ผู้อำนวยการ ศวส. กล่าวว่า จากข้อมูลดังกล่าวยืนยันว่า การปรับเพิ่มภาษีสุรามีผลต่อการควบคุมการดื่ม สามารถลดปัญหาการดื่มลงได้ อีกทั้งรัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้น เห็นได้จากเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา เงินจากภาษีสุราและเบียร์เพิ่มขึ้นกว่า 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ขณะนี้ระบบภาษีสุราสรรพสามิตของไทยเป็นระบบผสมผสานระหว่างหลักการในการควบคุมการบริโภค และการป้องกันการใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือย แต่มีข้อจำกัดที่สำคัญได้แก่ อัตราภาษีที่ต่ำ ความแตกต่างของอัตราภาษีระหว่างเครื่องดื่มประเภทต่างๆ และ ความอ่อนแอในการปราบปรามสุรานอกระบบ
“คงถึงเวลาที่ต้องปรับรื้อระบบภาษีสุราใหม่ โดยเฉพาะในปี 2553 จะเป็นปีแรกที่เริ่มใช้เขตการค้าเสรีในกลุ่มประเทศสมาชิกเอเซียน(อาฟต้า) ซึ่งเป็นการอาศัยช่องว่างของกฎหมาย ส่งผลให้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์นำเข้า มีราคาถูกลงอาจมีผลกระทบรอบด้านโดยเฉพาะกับกลุ่มเยาวชนที่เป็นนักดื่มหน้าใหม่ ดังนั้นรัฐจำเป็นต้องปรับเพิ่มภาษีโดยรวมทั้งหมด เพื่อชดเชยผลกระทบจากกฎอาฟต้า ทั้งนี้การที่กระทรวงการคลังใช้การเปลี่ยนฐานภาษีราคาโรงงานมาใช้ราคาขายปลีก ถือเป็นแนวความคิดที่ดี เพราะสามารถลดปัญหาผู้ประกอบการแจ้งราคาต่ำกว่าความจริงได้ อย่างไรก็ตามไม่อยากให้หลงเชื่อบริษัทแอลกอฮอล์ที่ให้จัดเก็บภาษีตามปริมาณแอลกอฮอล์แต่เพียงอย่างเดียว เพราะเป็นข้อเสนอที่หวังผลประโยชน์ทางธุรกิจ ทำให้เครื่องดื่มบางประเภทมีราคาถูกลง” นพ.ทักษพล กล่าว
ที่มา : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
Update: 21-12-52
อัพเดทเนื้อหาโดย: อภิชัย วรสิทธิ์ขจร