เลียนแบบเกม เล่นปืน ‘ภัยเด็ก 2 เด้ง’
‘ผู้ใหญ่‘ คือ ‘ต้นเหตุ‘
“เด็กชายวัย 13 ปีถูกลูกซองระเบิดขมับ ดับสยองมันสมองกระจายเต็มพื้นบ้าน คาดเพื่อนวัย 15 ปีที่ชักชวน กันมาเล่นเกมเพลย์สเตชั่นก่อเหตุคว้าลูกซองยาวมาเล่นเลียนแบบเกม ก่อนพลาดทำปืนลั่นใส่เพื่อนตายอนาถ” …นี่เป็นส่วนหนึ่งจากโปรยข่าวหน้า 1 ฉบับวันจันทร์ที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเหตุการณ์นี้ถือว่า “สยดสยอง” และถ้าเป็นไปตามข่าวในเบื้องต้นจริง ๆ ก็ “มีต้นเหตุจาก 2 เรื่อง” บวกกัน !!
ต้นเหตุหนึ่งคือเรื่อง “เกมที่มีเนื้อหารุนแรง”
อีกต้นเหตุหนึ่งคือเรื่อง “ปืนที่มีอยู่ในบ้าน”
ทั้งนี้ ต่อให้เหตุการณ์ดังกล่าวมิได้เกี่ยวพันใน 2 ต้นเหตุ ต่อให้เกิดจากต้นเหตุใดต้นเหตุหนึ่งเท่านั้น ยังไงก็เป็นโศกนาฏกรรมที่ไม่ควรจะเกิด และในภาพรวมของเหตุการณ์ร้าย ๆ ลักษณะนี้ก็ “เกี่ยวกับผู้ใหญ่”
ในส่วนของ “เกม” ที่ยุคนี้เด็กไทยเล่นกันทั่วไป และส่วนหนึ่งซึ่งมิใช่ส่วนน้อยถึงขั้น “ติด” ได้เคยชี้ไว้แล้วว่า… แม้เกมจะมีประโยชน์ต่อเด็กในแง่ของการเป็นการเล่น-เป็นความบันเทิงที่ช่วยพัฒนาสมอง ช่วยเสริมสร้างจินตนาการเด็ก แต่ด้วยการละเมิดสิทธิเด็กเพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเองเป็นหลักของผู้ใหญ่ ก็ทำให้เด็กจำนวนมากเล่นเกมที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสมกับวัย เล่นมากเกินไปจนติด และเมื่อบวกกับการที่พ่อแม่ผู้ปกครองไม่สามารถควบคุมเรื่องการเล่นเกมของบุตรหลานได้ ก็อาจเกิดปัญหา !!
“ร้อยละ 80 ของเด็กที่ติดเกม เลือกเล่นเกมแนวต่อสู้” …นี่เป็นข้อมูลของกลุ่มงานเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม และ… “10 อันดับแรกเป็นเกมที่เน้นการใช้ความรุนแรง เช่น สอนเด็กยิงต่อสู้กัน” …นี่เป็นข้อมูลจากการวิจัยของโครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการพัฒนาสังคมไทย สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่ง “เกมแนวต่อสู้” “เกมที่เน้นการใช้ความรุนแรง” นั้น จำนวนไม่น้อยเลย หรือจริง ๆ ต้องบอกว่าเป็นส่วนใหญ่ ที่เนื้อหามี “ปืน”
มีการใช้ปืนต่อสู้ “ยิง-ฆ่า” เพื่อจะเอาชนะในเกม !!
“ในด้านของจิตวิทยา การที่เด็กได้ดู ได้เห็น ได้สัมผัส เป็นการทำให้เด็กเกิดการโน้มเอียง อยากที่จะทำอาชีพที่ได้สัมผัส และจิตใจของเด็กก็จะคิดและมองด้านการต่อสู้และความรุนแรง อาจ ทำให้เด็กก้าวร้าว อารมณ์รุนแรง” …เป็นการระบุผ่าน ไว้ ของ ดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรม นักจิตวิทยา ในประเด็น “เด็กกับอาวุธ” ซึ่งอาวุธปืนที่เด็กได้เห็นในเกม ได้ยิงในเกม ก็น่าจะเข้าข่ายนี้ รวมถึงกรณีที่ในเกมบางเกมมีเนื้อหาเกี่ยวกับการใช้อาวุธจี้ปล้นผู้อื่น เช่นปล้นฆ่าคนขับแท็กซี่ ซึ่งยิ่งไปกันใหญ่ !!
ดังที่ว่ามา ก็เป็นส่วนของ “เกมที่เป็นภัย” ในขณะที่ส่วนของ “ปืน” นั้น ก็เข้ามา “เสริมให้เป็นภัยร้ายแรง” ยิ่งขึ้น ซึ่งสำหรับ เด็ก ๆ แล้ว…ถามว่าพวกเขาจะไปเอาปืนจากไหนมาทำในสิ่งรู้เท่าไม่ ถึงการณ์ ??
คำตอบคือ…ก็ “ปืนของผู้ใหญ่” ที่ใกล้ตัวนั่นเอง !!
ที่ จ.เพชรบูรณ์ เคยมีเหตุนักเรียน ม.3 แอบนำปืนพก .38 ของพ่อมาเล่น แล้วเกิดลั่นเจาะหน้าอกตัวเองตายสนิท, ที่ จ.สระบุรี เคยเกิดเหตุเด็กชายวัย 13 ปี นักเรียนชั้น ม.2 เอาปืนพก .357 ของพ่อมาเล่น ผลคือพี่สาววัย 18 ปีถูกน้องชายตัวเองระเบิดสมอง, ที่ จ.กาญจนบุรี เคยเกิดเหตุเด็กชายวัย 14 ปี หลานผู้ใหญ่บ้าน นำปืนลูกซอง 5 นัดของผู้ใหญ่บ้านมาเล่นกับเพื่อน แล้วเกิดลั่นตูมเข้าเต็มหน้าอกเพื่อนดับอนาถ
ที่ จ.ชัยภูมิ เคยเกิดเหตุเด็กชายวัย 11 ขวบ นำปืนแก๊ปยาวมาหยอกล้อพี่สาว ระหว่างทำท่าเล็งใส่ศีรษะพี่ นิ้วเกิดโดนไกลั่นเปรี้ยง พี่สาวสมองเละ, ที่ จ.กาญจนบุรี เคยมีอีกกรณีคือเด็กชายวัย 11 ขวบ รู้เท่าไม่ถึงการณ์เอาปืนแก๊ปยาวมาเผาไฟเล่น ระเบิดตูมตายคาที่, ที่ จ.นครศรีธรรมราช เคยเกิดเหตุนักเรียนใช้ปืนยิงเพื่อนนักเรียน ตาย 2 บาดเจ็บ 4, ในกรุงเทพฯ เคยเกิดเหตุเด็กใช้ปืนยิงเด็กคนอื่นตาย 1 สาหัส 1 แล้วเด็กที่ก่อเหตุก็ปลิดชีพตัวเองด้วย, ที่ จ.อ่างทอง วันก่อน เด็กวัย 15 ปีทำปืนลูกซองลั่นใส่เพื่อนวัย 13 ปี ดับอนาถ ฯลฯ
เหตุร้าย-กรณีตัวอย่างเหล่านี้…ล้วนบ่งบอกได้ชัดเจน
ว่า “เด็กเข้าถึงอาวุธปืนได้ง่าย” ทั้งที่ไม่ควรเข้าถึง !!
“ปืน” ขนาดอยู่ในมือผู้ใหญ่ที่บรรลุนิติภาวะแล้ว ก็ยังเกิดเหตุร้ายแรงที่น่าสลดใจ-ยังเกิดเหตุช็อกสังคมไทยเป็นประจำ แล้วเมื่อไปอยู่ได้อย่างง่าย ๆ ในมือของเด็กที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์-ในมือของเด็กที่ยังไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้ ก็ให้ผลร้ายไม่ต่างกัน ดังที่เรา ๆ ท่าน ๆ ได้รับทราบกันจากข่าวคราวที่ปรากฏ
ทั้งนี้ “ภัยจากเกม” มิใช่เรื่องใหม่อีกแล้ว เช่นเดียวกับ “ภัยเด็กเล่นปืน” ที่ยิ่งมิใช่เรื่องใหม่ ซึ่งลำพังแต่ละภัยพ่นพิษออกมาโดยไม่เกี่ยวพันกันก็ร้ายแรงอยู่แล้ว ถ้าสองภัยนี้มาผนวกกัน ก็จะยิ่งร้ายไปกันใหญ่
ถ้าผู้ใหญ่ไม่ช่วยกัน “หยุดภัยจากเกม” ที่เกิดกับเด็ก
ถ้าผู้ใหญ่ไม่ “หยุดภัยเด็กเล่นปืน” เก็บปืนให้มิดชิด
“เหยื่อเด็ก” จากสองภัยนี้…ก็จะไม่มีวันหมดไปแน่ !!.
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
Update:13-01-53
อัพเดทเนื้อหาโดย: ณัฏฐ์ ตุ้มภู่