เรียนสนุก ปลุกการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์
ที่มา : สยามรัฐ
ภาพประกอบจาก สสส.
การศึกษายังคงเป็นหัวข้อใหญ่ที่พ่อแม่ให้ความสำคัญ ขณะเดียวกันก็เป็นเรื่องที่หลายฝ่ายร่วมกันหาคำตอบและแนวทางใหม่ๆทางการศึกษา
โครงการขับเคลื่อนความรู้ด้านการสร้างเสริมสุขภาวะเด็กและครอบครัว และการพัฒนาศักยภาพเยาวชนสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสำนักพิมพ์ book scape จึงจัดกิจกรรมต่อยอด ถอดบทเรียนหนังสือ "อนุบาลตลอดชีวิต"หรือ Lifelong Kindergarten มาสู่การจัดงานเสวนาสาธารณะ"Joyful Learning and Creative Education: เรียนอย่างไรให้สนุก: ปลุกการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ตลอดชีวิต" เสวนาที่ว่าด้วยการยกระดับการศึกษาเชิงสร้างสรรค์ในสังคมไทยและพัฒนาแนวทางการเรียนรู้ให้เด็กไทย
โดยนำ 5 วิทยากรผู้คร่ำหวอดในแวดวงการศึกษามาร่วมแชร์ประสบการณ์การเรียนและการสอนหลากหลายรูปแบบ ที่นำไปสู่สิ่งที่เรียกว่า "การเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์" ซึ่งทุกคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ต้องเริ่มต้นการได้ กับการเรียนอย่างแท้จริงก่อน"สนุก"โจทย์แรกยิงตรงไปที่คำถามที่ว่าเรียนแล้ว "สนุก" เป็นอย่างไร
ผู้อำนวยการสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อธิษฐาน์ คงทรัพย์ ให้ความเห็นว่า การเรียนรู้ที่สนุก เราจะจดจำช่วงเวลาหรืออารมณ์ช่วงนั้นได้ชัดเจนกว่าเนื้อหา เมื่อสมองจดจำแล้ว เวลาที่เรามีความสุขหรือสนุก เราจะอยากทำสิ่งนั้นซ้ำอีก นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมการเรียนรู้จึงควรสนุก
"โดยส่วนตัวได้สัมผัสการเรียนรู้ที่สนุกอย่างแท้จริงในวัยที่จบการศึกษาไปแล้ว จึงเกิดคำถามว่าทำไมโรงเรียนจึงไม่ทำให้การเรียนรู้สนุกได้เป็นที่มาของการมาเป็นครูเพื่ออยากสร้างการเรียนรู้ให้สนุกขึ้นบทบาทของ "ครู" คือสร้างนิเวศการเรียนรู้ สร้างพื้นที่ที่ปลอดภัยเป็นสิ่งแวดล้อมที่ดีให้เด็ก และไม่ใช่เฉพาะแต่ครูเท่านั้นที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของเด็ก แต่คือทุกคนที่มีผลต่อการเรียนรู้ของเด็ก เพราะเด็กอยู่กับโรงเรียน 6-7 ชั่วโมง ที่เหลือเขาอยู่กับพ่อแม่เพื่อน และที่สำคัญควรมีโอกาสในการตัดสินใจ ทุกคนควรเลือกได้"
ด้วยความเชื่อเรื่องการออกแบบการเรียนรู้ที่ว่า มนุษย์ไม่ได้เรียนรู้แบบแยกส่วน แต่เรียนรู้ผ่านจากประสบการณ์ของตัวเองอย่างเป็นองค์รวม อธิษฐาน์ จึงเลือกออกแบบการเรียนรู้ที่เน้นการบูรณาการเพื่อให้เป็นพื้นที่สร้างประสบการณ์ใหม่ของผู้เรียน เชื่อมโยงกับองค์ความรู้เดิมที่เขามีติดตัวมาจากครอบครัว
ในฐานะตัวแทนฝั่งผู้เรียน "ธัญชนก คชพัชรินทร์" เผยว่า ความสนุกในวัยเรียนเธอมองถึง 3 เรื่องหลักประกอบด้วย เนื้อหาที่เรียน ความสัมพันธ์ระหว่างครูและเพื่อนๆ ในห้องเรียน รวมถึงกระบวนการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ เมื่อทั้งสามส่วนประกอบกัน จึงเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การเรียนรู้อย่างสนุก
ขณะที่คุณพ่อของลูกชายซึ่งออกจากระบบการศึกษาไทยมาเรียนด้วยตนเอง อย่าง อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ "เดชรัต สุขกำเนิด" ร่วมให้ข้อคิดเห็นว่า ก่อนอื่นต้องนิยามคำว่า "สนุก" ก่อน ความสนุกมีหลายรูปแบบ แล้วแต่เนื้อหา และจุดมุ่งหมายของกลุ่มผู้เรียน "ความสนุกไม่ได้แปลว่าต้องหัวเราะต้องเฮฮาเท่านั้นจึงสนุก ความสนุกมีหลากหลาย แบบที่เครียดแต่สนุกก็มี การเมือง ประวัติศาสตร์ แม้แต่คณิตศาสตร์ ก็สนุกได้ เพียงแต่การจะออกแบบชั้นเรียนให้มีความสนุกควรนึกถึง 3 เรื่อง ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับวิทยากรอีกสองท่าน ได้แก่ 1.ผู้เรียนต้องมีประสบการณ์ตรงด้วยตัวเอง ซึ่งผลต่อการตัดสินใจของเขา 2.ควรเป็นสิ่งที่ไม่คาดฝันหรือเป็นสิ่งท้าทาย 3.ต้องปลอดภัยพอที่เขาจะมั่นใจเพื่อทดลองเรียนรู้ได้"
ในมุมมองจากคุณครูตัวจริง จากโรงเรียนบางประกอกวิทยาคม "ปราศรัย เจตสันต์" บอกว่า การเรียนรู้ก็เหมือนการตัดเสื้อสูทเราไม่สามารถตัดเสื้อตัวเดียวแล้วใช้กับทุกคนได้ โจทย์สำคัญสำหรับครูผู้สอน คือต้องรู้ว่าห้องเรียนต้องการความสนุกแบบไหนที่จะตอบโจทย์เด็กได้ทุกคน ซึ่งผลของการเรียนรู้จะมากน้อยแตกต่างกันตามประสบการณ์และความสนใจของเขา
"ก่อนจะถามว่าเรียนรู้อย่างไรให้สนุก มันควรมีอีกคำถามก่อนหน้าคือ "เรียนรู้อย่างไรให้ได้เรียนรู้" ลึกไปกว่านั้น ผมมองว่าบนคำว่าความสนุก ผู้เรียนรู้แต่ละคนมีนิยามความสนุกแตกต่างกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับช่วงวัย หรือประสบการณ์ชีวิตของแต่ละคน ยิ่งอายุโตมากขึ้นความสนุกของเราก็เปลี่ยนไป เราจึงควรเริ่มจากการตั้งคำถามว่าแล้วเขาสนุกเมื่อไหร่ แบบไหน กลุ่มนี้สนุก อีกกลุ่มอาจไม่สนุกก็ได้
สิ่งที่เราพบก็คือเด็กมีวิธีการเรียนรู้แตกต่างกัน ดังนั้นต้องออกแบบกิจกรรมที่หลากหลายให้ครอบคลุมกับเด็กทุกกลุ่ม การเรียนรู้ของครูไม่ได้เพื่อเด็กบางกลุ่มหรือบางห้องเท่านั้น เพราะเราไม่สามารถตัดเสื้อตัวเดียวแล้วใช้กับทุกคนได้ ดังนั้นต้องสร้างความหลากหลายเพื่อให้เขามีโอกาสเลือกสิ่งที่เขาสนใจ" ปราศรัย อธิบาย