เผยสื่อเนื้อหารุนแรง ร้อยละ 98 ดูละครแล้วมีอารมณ์ร่วม

 

ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยโครงการเฝ้าระวังและรักษาคุณภาพอนาคตเยาวชนไทย ในงานวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง “อิทธิพลของสื่อต่อเด็กและเยาวชนไทย ในยุคโลกไร้พรมแดน” กรณีศึกษาตัวอย่างอายุ 12 – 24 ปี จำนวน 1,815 ตัวอย่าง

จากกลุ่มเด็กและเยาวชนเป้าหมายในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลจำนวนทั้งสิ้น 1,606,286 คน ดำเนินโครงการระหว่าง วันที่ 1 – 9 สิงหาคม 2554 ที่ผ่านมา โดยพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 51.1 เป็นชาย ร้อยละ 48.9 เป็นหญิง ตัวอย่างร้อยละ 30.5  อายุระหว่าง 12 – 15 ปี ร้อยละ 34.7 อายุระหว่าง 16 – 19 ปี ร้อยละ 34.8 อายุระหว่าง 20–24 ปี ตัวอย่างร้อยละ 80.0 กำลังศึกษาอยู่ ร้อยละ 20.0 สำเร็จการศึกษาแล้ว

ประเด็นสำคัญที่ค้นพบครั้งนี้ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 90.5 ติดตามข้อมูลข่าวสารผ่านโทรทัศน์ แต่ที่น่าสนใจคือ “อินเทอร์เน็ต” มาแรงเป็นอันดับสองของแหล่งข้อมูลข่าวสารที่เด็กและเยาวชนไทยติดตามโดยคิดเป็นร้อยละ 81.4 ในขณะที่ร้อยละ 42.5 ระบุเป็นหนังสือพิมพ์ ร้อยละ 30.9 ระบุเป็นโทรศัพท์มือถือ/SMS ร้อยละ 23.1 ระบุเป็นวิทยุ และร้อยละ 18.7 ระบุเป็นนิตยสาร

เมื่อสอบถามถึงประเภทรายการที่ติดตามเป็นประจำ พบว่า อันดับแรกหรือร้อยละ 66.3 ระบุเป็นเพลง/เอ็มวี รองลงมาคือร้อยละ 49.8 ระบุเป็นละคร ร้อยละ 43.6 ระบุเป็นข่าว ร้อยละ 42.3 ระบุเป็นเกม และร้อยละ 40.0 ระบุเป็นการ์ตูน ลงลงมาได้แก่ แฟชั่น กีฬา ซุบซิบดารา ซีรีย์ต่างๆ และสารคดี ตามลำดับ

เมื่อถามถึงการรับชมโทรทัศน์ที่บ้าน พบว่า ร้อยละ 53.2 ระบุมีคนอื่นดูด้วย ในขณะที่ร้อยละ 46.8 ดูตามลำพัง และเมื่อสอบถามว่า ทำอย่างไรในการชมโทรทัศน์เมื่อเห็นรายการแสดงเรตติ้ง “น” และ/หรือ “ฉ” พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 85.3 ดูต่อ (ตั้งแต่ต้นจนจบ/ดูเป็นบางช่วงบางตอน) โดยมีเพียงร้อยละ 14.7 ที่เปลี่ยนช่อง

สำหรับกลุ่มตัวอย่างที่ดูอยู่กับพ่อแม่และผู้ปกครอง ระบุว่า เมื่อเห็นรายการโทรทัศน์ที่แสดงเรตติ้ง “น” และ/หรือ “ฉ” ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 56.2 ระบุดูต่อ โดยพ่อแม่ ผู้ปกครองให้คำแนะนำ ในขณะที่ร้อยละ 20.9 ดูต่อโดยพ่อแม่ผู้ปกครองไม่ได้ให้คำแนะนำ และร้อยละ 22.9 เปลี่ยนช่อง ที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 94.0 เคยดูละครโทรทัศน์ที่มีเนื้อหารุนแรงหรือการมีเพศสัมพันธ์เกินเลย ในขณะที่เพียงร้อยละ 6.0 ไม่เคยดู

นอกจากนี้ เมื่อสอบถามถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อชมละครโทรทัศน์นี้ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 98.9 ของคนที่ดูแล้ว เกิดความรู้สึกร่วม เช่น โกรธ เศร้า เกิดความต้องการ เป็นต้น

ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อสอบถามถึงพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ต พบว่า ร้อยละ 39.1 เริ่มเล่นตอนอายุน้อยกว่า 10 ปี ร้อยละ 54.5  เริ่มเล่นตอนอายุระหว่าง 10–15 ปี ในขณะที่ ร้อยละ 6.2 เริ่มตอนอายุ 16–20 ปี และเพียงร้อยละ 0.2 ที่เริ่มตอนอายุ 21–24 ปี โดยอายุน้อยสุดที่เริ่มใช้อินเทอร์เน็ตคือ 3 ปี และอายุเฉลี่ยที่เริ่มใช้อินเทอร์เน็ตครั้งแรกคือ 11 ปี

สำหรับสถานที่ที่ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นประจำ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 78.3 ระบุใช้ที่บ้าน รองลงมาคือร้อยละ 38.7 ระบุใช้ที่โรงเรียน/สถานศึกษา ร้อยละ 31.7 ระบุที่ร้านเกม ในขณะที่รองๆ ลงมาคือ อินเทอร์เน็ตค่าเฟ่ และห้างสรรพสินค้า เป็นต้น โดยส่วนใหญ่หรือร้อยละ 70.0 ใช้อินเทอร์เน็ตตามลำพัง ในขณะที่ร้อยละ 30.0 ระบุมีผู้ปกครองอยู่ด้วย นอกจากนี้ ร้อยละ 42.3 ระบุไม่มีการควบคุมเวลาในการใช้อินเทอร์เน็ต ร้อยละ 35.5 ระบุจำกัดเวลาการใช้ ร้อยละ 24.2 ว่ากล่าวตักเตือน ร้อยละ 17.1 ปล่อยให้ใช้เหมือนเดิม และเพียงร้อยละ 14.3 ที่แนะนำเว็บไซต์ที่เหมาะสม

เมื่อถามถึงวัตถุประสงค์ในการใช้อินเทอร์เน็ต พบว่า โดยส่วนใหญ่หรือร้อยละ 69.6 ระบุใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อค้นหาข้อมูลที่เป็นความรู้ ร้อยละ 68.1 ใช้แชทผ่าน twitter, Facebook, MSN, Yahoo, ICQ ร้อยละ 63.6 ดาวน์โหลดเพลง/ภาพยนตร์ ร้อยละ 58.6 เล่นเกม ร้อยละ 48.1 รับ-ส่ง อีเมล์ ร้อยละ 44.3 ติดตามข่าวสาร ร้อยละ 35.4 ดาวน์โหลดโปรแกรม ร้อยละ 19.1 อ่านกระทู้ ตั้งกระทู้ ร้อยละ 12.4 ซื้อของ/ช็อปปิ้ง ร้อยละ 12.2 แชทในห้องแชทรวม และร้อยละ 8.3 ดู/โหลดภาพ/คลิปโป๊ ตามลำดับ

เมื่อสอบถามถึงการนัดเจอกับคนที่เพิ่งรู้จักทางอินเทอร์เน็ต พบว่า ร้อยละ 4.1 เคยบ่อย/เกือบทุกครั้ง ร้อยละ 19.6 เป็นบางครั้ง ในขณะที่ร้อยละ 76.3 ไม่เคยเลย ที่น่าพิจารณาคือ ร้อยละ 12.4 โกหกหรือให้ข้อมูลเท็จกับคนที่เพิ่งรู้จักทางอินเทอร์เน็ตบ่อยๆ หรือเกือบทุกครั้ง ในขณะที่ร้อยละ 46.3 โกหกเป็นบางครั้ง และร้อยละ 41.3 ไม่เคยเลย มากกว่านั้น เกินครึ่งหรือร้อยละ 55.3 เคยดูภาพโป๊ เว็บโป๊ทางอินเทอร์เน็ต ในขณะที่ร้อยละ 44.7 ไม่เคยเลย

เมื่อถามถึงการเล่นเกมออนไลน์ ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 56.9 เคยเล่น ในขณะที่ร้อยละ 43.1 ไม่เคยเล่น สำหรับประเภทของเกมออนไลน์ที่นิยมเล่น พบว่า ร้อยละ 46.1 เล่นเกมต่อสู้ เช่น แร็กนาร๊อก ยิงปืน ฟัน เตะต่อย ร้อยละ 37.4 เกมกีฬา เช่น ฟุตบอล เทนนิส ร้อยละ 36.9 ระบุ เกมลับสมอง ร้อยละ 34.4 ระบุเกมที่เกี่ยวกับสงคราม และรองๆ ลงมาคือ เกมฝึกทักษะ เกมขโมยของ เกมเปลื้องผ้า และเกมดักฉุดหญิงสาว ตามลำดับ

ที่น่าเป็นห่วงคือ ร้อยละ 37.1 มองว่า เว็บไซต์ที่มีเนื้อหารุนแรง เช่น การทำระเบิด ฆาตกรรม ยาเสพติด ความรุนแรงทางเพศ เป็นเรื่องปกติธรรมดา/น่าสนใจ ร้อยละ 27.2 รู้สึกตกใจ อันตราย/สะเทือนใจ ในขณะที่ร้อยละ 34.8 ระบุไม่น่าสนใจ และร้อยละ 0.9 ไม่เคยเข้าไปดูเว็บไซต์ลักษณะดังกล่าว ทั้งนี้ ผลสำรวจยังพบด้วยว่า ครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 50.1 เกิดความรู้สึกอยากเลียนแบบเว็บไซต์ที่มีเนื้อหารุนแรง ในขณะที่ร้อยละ 49.9 ไม่คิดลอกเลียนแบบเลย

 

เมื่อสอบถาม สิ่งที่เด็กและเยาวชนไทยในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลเคยทำในช่วง 30 วันที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่หรือ ร้อยละ 79.3 ใช้คำหยาบพูด มึง กู และอื่นๆ กับเพื่อน รองลงมาคือ ร้อยละ 36.0 ดื่มเหล้า ร้อยละ 28.1 มีเพศสัมพันธ์ ร้อยละ 25.1 เล่นการพนัน ร้อยละ 24.5 สูบบุหรี่ ร้อยละ 22.0 ทะเลาะวิวาทกับผู้อื่น โดยใช้อาวุธและสิ่งของ ร้อยละ 19.9 ใช้คำหยาบ พูด มึง กูกับคนในครอบครัว

ที่น่าเป็นห่วง คือ ผลการประมาณการจำนวนเด็กและเยาวชนไทยในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่ใช้ยาเสพติด (ไม่นับรวมเหล้าและบุหรี่) พบว่า มีอยู่ 202,392 คน และจำนวนมากที่สุดอยู่ที่ 327,682 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 13.4 ของประชากรทั้งหมด (ไม่นับประชากรแฝงและกลุ่มแรงงานต่างชาติ)นอกจากนี้ร้อยละ 12.6 และร้อยละ 12.5 ระบุเคยถ่ายรูป คลิปโป๊ผ่านมือถือ และลักเล็กขโมยน้อย ในขณะที่ผลประมาณการจำนวนเด็กและเยาวชนไทยที่ขายบริการทางเพศในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีอยู่ 120,471 คน และจำนวนที่มากที่สุดอยู่ที่ 232,912 คน ที่ขายบริการทางเพศหรือคิดเป็นร้อยละ 7.5 ของประชากรทั้งหมดที่เป็นเด็กและเยาวชนไทยอายุระหว่าง 12–24 ปี (ไม่นับประชากรแฝงและกลุ่มแรงงานต่างชาติ)

ที่น่าพิจารณา คือ เมื่อใช้สถิติวิจัยค่า Odds Ratio มาวิเคราะห์ข้อมูลระหว่างการรับสื่อที่มีเนื้อหารุนแรงกับพฤติกรรมของเด็กและเยาวชนในช่วง 30 วันที่ผ่านมา เปรียบเทียบกับเด็กและเยาวชนที่ไม่ได้รับสื่อที่มีเนื้อหารุนแรง พบว่า เด็กและเยาวชนที่ได้รับสื่อที่มีเนื้อหารุนแรงมีโอกาสใช้คำหยาบพูด มึง กู และอื่นๆ กับเพื่อนมากกว่า 3 เท่า ดื่มเหล้ามากกว่า 3 เท่า มีเพศสัมพันธ์มากกว่า 3 เท่า เล่นการพนันมากกว่า 2 เท่า สูบบุหรี่มากกว่า 3 เท่า ทะเลาะวิวาทกับผู้อื่นโดยใช้อาวุธและสิ่งของมากกว่า 2 เท่า ใช้คำพูดหยาบคายพูด มึง กูกับคนในครอบครัวมากกว่า 2 เท่า ใช้ยาเสพติด (ไม่รวมเหล้าบุหรี่) มากกว่า 4 เท่า ถ่ายรูป/คลิปโป๊ผ่านมือถือมากกว่า 6 เท่า ลักเล็กขโมยน้อยมากกว่า 4 เท่า และขายบริการทางเพศมากกว่า 5 เท่า

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

ระบุข้อความ