เผยสถิติฆ่าตัวตายผิดหวังรักมากสุด
เผยการฆ่าตัวตายส่วนใหญ่มีเหตุมาจาก ความรัก สาเหตุอื่นๆ เช่น ภาวะเศรษฐกิจ โรคภัยไข้เจ็บ รองลงมา ทั้งนี้พบสถิติตั้งแต่ปี 2548-2553 ว่า วัยทำงานเป็นกลุ่มคนที่มีการฆ่าตัวตายสูงที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 15 ส.ค. น.ส.สิริกร เค้าภูไทย นักวิชาการ สนง.พัฒนาระบบข้อมูลข่าวสาร สสส. เปิดเผยว่า สำหรับปัญหาการฆ่าตัวตายนับเป็นความสูญเสียเชิงเศรษฐกิจและสังคมโดยเฉพาะในภาวะที่เศรษฐกิจมีความผันผวนและภัยธรรมชาติรุมเร้า ส่งผลให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยตกอยู่ในภาวะความเครียด ซึ่งทาง สสส.ได้สรุปข้อมูลจากการวิจัยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา พบว่ากลุ่มลูกจ้างบริษัทเอกชนและคนทำงานรับจ้างทั่วไปมีความเครียดสูงสุด ข้อมูลด้านสุขภาพจิตของคนทำงานอาชีพต่างๆ ที่สำรวจโดย สนง.สถิติแห่งชาติ กรมสุขภาพจิต และสถาบันวิจัยประชาและสังคม ม.มหิดล ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา พบว่า คนทำงานรับจ้างมีสุขภาพจิตต่ำที่สุด เนื่องจากเป็นอาชีพที่ไม่มีความมั่นคงและมีรายได้ไม่แน่นอน ส่งผลให้จิตใจเป็นไปในทางลบ
น.ส.สิริกรเผยต่อว่า อาชีพรองลงมาที่มีปัญหาด้านสุขภาพจิต คือ อาชีพแม่บ้านและพนักงานบริษัทเอกชน ส่วนอาชีพข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจได้คะแนนสุขภาพจิตมากที่สุด เนื่องจากมีความมั่นคงทางอาชีพการงาน ส่งผลต่อความมั่นคงทางจิตใจของคนทำงาน ซึ่งผลจากภาวะความเครียดส่งผลให้แรงงานไทยเกือบ 1 ใน 10 ตั้งแต่ระดับผู้ใช้แรงงานจนถึงคนทำงานบริษัท มีความคิดที่จะฆ่าตัวตาย อันเนื่องมาจากคุณภาพชีวิตไม่ดีพอ โดยเฉพาะผู้มีอาชีพรับจ้างทั่วไปที่มีสุขภาพจิตต่ำกว่าอาชีพอื่นๆ และมีแนวโน้มที่จะฆ่าตัวตายสูง
ทั้งนี้ สถิติตั้งแต่ปี 2548 – 2553 พบว่า วัยทำงานอายุระหว่าง 15-59 ปี เป็นกลุ่มคนที่มีอัตราการฆ่าตัวตายอยู่ที่ 4.6 คนต่อประชากร 1 แสนคน ซึ่งมากกว่ากลุ่มวัยรุ่นและเยาวชนที่มีอายุระหว่าง 15-29 ปี ที่มีอัตราการฆ่าตัวตายอยู่ที่ 2.2 คนต่อประชากร 1 แสนคน สาเหตุอันดับ 1 ที่ทำให้วัยรุ่นฆ่าตัวตายมากที่สุดคือผิดหวังในเรื่องความรัก, ประสบกับปัญหาการเล่าเรียนและปัญหาทางด้านครอบครัว
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ