เปิดสายด่วน 24 ชม.ลดภัยเงียบ โรคหลอดเลือดสมอง

ชี้ ต้นเหตุอัมพฤกษ์อัมพาต

เปิดสายด่วน 24 ชม.ลดภัยเงียบ โรคหลอดเลือดสมอง 

            น.พ.มัยธัช สามเสน ผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา เผยถึงโรคหลอดเลือดสมองเป็นโรคทางระบบประสาทที่พบบ่อยโดยเฉพาะผู้สูงอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป ประเทศที่พัฒนาแล้วพบว่าเป็นสาเหตุของการตายอันดับ 3 รองจากโรคหัวใจและโรคมะเร็ง ประเทศแถบเอเชีย เช่น จีนและญี่ปุ่น พบเป็นสาเหตุการตายเป็นอันดับที่ 2 รองจากโรคหัวใจ สำหรับไทยพบว่ามีอัตราการเกิดโรค 690 คนต่อประชากร 100,000 คน จากสถิติดังกล่าวประมาณได้ว่ามีผู้ป่วยโรคนี้ในประเทศไทยเป็นจำนวน 496,800 คน และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต โรคหลอดเลือดสมองแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่โรคหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตันและโรคหลอดเลือดสมองแตกของโรคหลอดเลือดสมองทั้งหมด

 

             สาเหตุสำคัญเกิดจากความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ ไขมันในเลือดสูง สูบบุหรี่ ดื่มสุรา ความเครียด ขาดการออกกำลังกาย และผู้ป่วยที่รับประทานยาห้ามการแข็งตัวของเลือดหรือเป็นโรคที่มีความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการทางระบบประสาทอย่างเฉียบพลัน อาจมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอาการร่วมกัน เช่น อ่อนแรงครึ่งซีก เดินเซ พูดลำบาก กลืนลำบาก ตามองไม่เห็น หรือมองเห็นภาพซ้อน สำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองแตกนั้น อาจมีอาการปวดศีรษะเฉียบพลัน อาเจียน ในรายที่มีอาการรุนแรงอาจมีอาการซึม หมดสติ และอาจเสียชีวิตได้

 

            สำหรับการรักษาโรคหลอดเลือดสมองในปัจจุบันทำได้โดยการให้ยาหรือการผ่าตัด สิ่งที่สำคัญคือผู้ป่วยจะต้องรีบไปพบแพทย์โดยด่วนที่สุดภายใน 3-6 ชั่วโมง เพราะถ้ามาพบแพทย์เร็วก็จะลดความพิการได้ เนื่องจากในช่วง 3-7 วันแรกของการเจ็บป่วยเป็นระยะวิกฤตที่อาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ จำเป็นต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาลหรืออยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้วิธีการป้องกันตนเองที่สำคัญคือการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควบคุมน้ำหนัก งดสูบบุหรี่และงดดื่มเหล้า ตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อค้นหาปัจจัยเสี่ยง ในกรณีที่มีปัจจัยเสี่ยงหรือผู้ที่เป็นโรคนี้อยู่แล้วต้องรักษาและพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอห้ามหยุดยาเองโดยเด็ดขาด

 

            “ทางสถาบันประสาทวิทยาจัดตั้งศูนย์ข้อมูลทางโทรศัพท์หมายเลข 0-2354-7007 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้คำปรึกษาเรื่องโรคหลอดเลือดสมองและโรคระบบประสาทอื่นๆ”

 

 

 

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

 

 

update 04-06-51

 

 

 

 

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code