“เบเกิล เฮด” แฟชั่นตกแต่งร่างกาย ที่เสี่ยงอันตราย
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ข่าวแฟชั่นการตกแต่งร่างกายที่นับได้ว่าแปลกประหลาดและเสี่ยงอันตรายอยู่ไม่น้อย นั่นคือ “เบเกิล เฮด” แฟชั่นหัวโหนก นูน ด้วยการฉีดน้ำเกลือใต้ผิวหนังบริเวณหน้าผาก ให้มีลักษณะคล้ายขนมปังเบเกิล ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมของวัยรุ่นญี่ปุ่นบางกลุ่ม หลายคนคงมองว่าเป็นพฤติกรรมที่อันตรายและดูเกินขอบเขต นอกจากนี้ยังมองว่ากลุ่มวัยรุ่นเหล่านี้เพี้ยนไปแล้วอีกด้วย
นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ หัวหน้าทีมโฆษกกรมสุขภาพจิต และนายกสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทยได้แสดงมุมมองในเรื่องนี้ว่า วัยรุ่นเป็นวัยที่มีวัฒนธรรมค่อนข้างเป็นสากล คือ เหมือนกันทั้งโลก ในวัยนี้จะมีช่วงที่เขาพยายามแสวงหาความเป็นตัวตนและคุณค่าของตัวเอง สิ่งที่มีอิทธิพลต่อชีวิตส่วนใหญ่จะเป็น เพื่อน สื่อออนไลน์ ดารา ศิลปิน แต่พ่อกับแม่จะมีอิทธิพลลดน้อยลง ปัจจุบันเราจะเห็นว่า ค่านิยมต่างๆ ที่วัยรุ่นยึดถือจะมีหลายรูปแบบ ทั้งเรื่องการแต่งตัว รูปร่างหน้าตา หรือบางกลุ่มก็สนใจเรื่องการทำกิจกรรมเพื่อสังคม การเป็นจิตอาสา
นพ.ยงยุทธ บอกต่อว่า ส่วนแฟชั่นหรือค่านิยมการฉีดน้ำเกลือใส่หน้าผาก ที่เรียกว่า “เบเกิล เฮด” นั่น ก็ขึ้นอยู่กับสังคมจะมองกลุ่มวัยรุ่นเหล่านี้อย่างไร และถือว่าเป็นประเด็นทางด้านสังคมมากกว่าปัญหาทางด้านจิตใจ แต่ถ้าเป็นปัจจัยทางด้านจิตวิทยาก็จะเป็นเรื่องของอายุ เป็นเรื่องการแสวงหาคุณค่าในตัวเองที่ได้รับอิทธิพลจากเพื่อนและสังคม สำหรับในประเทศไทย มีเหตุการณ์คล้ายลักษณะนี้เกิดขึ้นเป็นประจำ อย่างเช่น แฟชั่นตาโต โดยการใส่คอนแทคเลนส์ทำให้ตาโตขึ้น เพียงแต่เหตุการณ์ลักษณะนี้อาจจะไม่รุนแรงหรือผิดแปลกจากที่เคยเห็นมากเท่าไหร่ แต่เรื่องแฟชั่นและค่านิยมก็มักเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไปตามสมัยนิยม
นพ.ยงยุทธ ยังบอกอีกว่า สำหรับน้ำเกลือที่วัยรุ่นญี่ปุ่นฉีดนั้นเป็นน้ำเกลือทางการแพทย์ ความเข้มข้นเท่ากับส่วนประกอบของร่างกาย เมื่อฉีดน้ำเกลือเข้าร่างกายแล้วจะดูดซึมได้ด้วยตัวเอง ถ้าทำด้วยขั้นตอนที่ไม่สะอาดก็อาจทำให้ติดเชื้อที่ใบหน้าได้ ซึ่งถือว่าเป็นการติดเชื้อที่อันตรายมาก แต่สิ่งที่ต้องควรระวังมากที่สุด คือ การใช้เข็มฉีดซ้ำกัน ถ้าไม่ได้ทำด้วยความสะอาด ก็อาจติดโรคได้ง่ายโดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับกระแสเลือด อย่างไวรัสตับเอักเสบ หรือเอชไอวี
“อยากฝากถึงผู้ปกครองควรให้คำแนะนำลูกหลานให้มีความพอใจในสิ่งที่เป็นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรูปร่าง หน้าตา ไม่จำเป็นที่ต้องไปทำแปลกหรือแตกต่าง ถ้าเกิดผลข้างเคียงอาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ จึงเสนอว่า ควรใช้เวลาในช่วงวัยรุ่นทำกิจกรรมที่หลากหลาย มีคุณค่าและมีประโยชน์ต่อสังคม อย่างกิจกรรมจิตอาสา เพราะสิ่งเหล่านี้จะไปช่วยพัฒนาประสบการณ์ชีวิตดีกว่าการไปทำกิจกรรมอื่นๆ ที่เน้นแต่ตัวเองเป็นหลักหรือเป็นกิจกรรมทางลบ” นพ.ยงยุทธฝากทิ้งท้าย
เรื่องโดย : พิมพ์ชนก ศรเพชร Team content www.thaihealth.or.th
