“เบาหวาน-หัวใจ-จิตผิดปกติ” งดทำใบขับขี่
ขนส่งทางบกเร่งแก้ปัฐหาเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันจากกลุ่มมีอาการผิดปกติ ถกแพทยสภากำหนดคุณสมบัติ เพิ่มเติมในการทำใบขับขี่ เพิ่มกลุ่มเสี่ยงต่อการขับรถอีก 10 อาการ อาทิ อาการทางสมอง กลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวาน กลุ่มเสี่ยงอาการวูบหมดสติ กลุ่มเสี่ยงโรคหัวใจ ฯลฯ
นายอัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า จะประชุมร่วมกับตัวแทนแพทยสภา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดคุณสมบัติเพิ่มเติมในการทำใบขับขี่ โดยจะเพิ่มกลุ่มภาวะเสี่ยงต่อการขับรถอีก 10 อาการ จากเดิม ที่กำหนดอาการต้องห้ามเพียง 5 ประเภท คือ ต้องไม่เป็นโรคติดต่อเป็นที่รังเกียจ เช่น โรคเท้าช้าง โรคเรื้อน ไม่เป็นบุคคลวิกลจริต ไม่ติดสุรา ยาเสพติด หรือวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท
ซึ่งถือว่ายังไม่ครอบคลุมอาการบางประเภทที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการขับรถ จึงเพิ่ม 10 กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ กลุ่มเสี่ยงในระบบประสาทและสมอง เช่น โรคลมชัก กลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวาน กลุ่มเสี่ยงอาการวูบหมดสติ กลุ่มเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด กลุ่มเสี่ยงด้านการมองเห็น เช่น ลานประสาทตา มองเห็นด้านตรงแต่มองไม่เห็นด้านข้าง
กลุ่มเสี่ยงประสาทการได้ยิน เช่น หูหนวก หูตึง กลุ่มเสี่ยงการเคลื่อนไหวผิดปกติ เช่น โรคพาร์กินสัน กลุ่มเสี่ยงปัญหาทางจิตผิดปกติ ความเสี่ยงนอนหลับผิดปกติ ซึ่งเสี่ยงอาจให้เกิดโรคหลับใน และกลุ่มเสี่ยงจากใช้ยาประเภทต่างๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดการกดประสาท ง่วงซึม ดังนั้นต่อไปผู้สอบใบขับขี่จะต้องตรวจสุขภาพและได้รับใบรับรองแพทย์ 10 อาการก่อนมาทำใบขับขี่ทุกครั้ง
“สาเหตุที่ต้องปรับปรุงคุณสมบัติเพิ่มเติม เนื่องจากกฎหมายปัจจุบันใช้มานานถึง 35 ปีแล้ว ตามพ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 ประกอบกับทุกวันนี้ วิทยาการทางการแพทย์ก้าวหน้าไปมาก สามารถวินิจฉัยอาการเสี่ยงของโรคภัยต่างๆ ได้แม่นยำขึ้น รวมถึงมีข่าวเกิดอุบัติเหตุจากอาการป่วยของคนขับมากขึ้น จึงเห็นควรให้เพิ่มเติมคุณสมบัติของผู้ขอใบขับขี่ใหม่ เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุที่มีสาเหตุจากตัวผู้ขับ”
นายอัฌษไธค์กล่าวอีกว่า การประชุมในรอบนี้ กรม และแพทยสภาจะหารือถึงรายละเอียดระดับความรุนแรงในแต่ละอาการ หลังจากแพทยสภาได้ให้ 10 ราชวิทยาลัยแพทย์ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับภาวะความเสี่ยงในโรคนั้นๆ ไปศึกษาระดับความรุนแรง คาดว่าจะหาข้อสรุปทั้งหมดภายใน 1-2 เดือน
หลังจากนั้นจะเสนอเข้าสู่กระบวนการพิจารณาทางกฎหมาย ว่าจะออกเป็นกฎหมายประเภทใด เช่น หากเป็นประกาศกรม จะใช้เวลาเพียง 15 วัน แต่ถ้าเป็นกฎกระทรวงจะใช้เวลา 3 เดือน ขณะเดียวกันทางแพทยสภาจะเร่งอบรมแพทย์ ทั่วประเทศให้รับทราบถึงแนวทางการตรวจสุขภาพ
อย่างไรก็ตาม คนที่เป็นโรคหรือมีความเสี่ยงใน 10 อาการเหล่านี้ ไม่ได้หมายความว่าจะต้องถูกห้ามขับรถ หรือห้ามทำใบขับขี่ทั้งหมด เพราะในแต่ละคนก็มีระดับความรุนแรงแตกต่างกัน จึงต้องตรวจอย่างละเอียดว่าแต่ละคนมีอาการรุนแรงขนาดไหน เช่น โรคเบาหวานหากเป็นเล็กน้อยก็ยังขับรถได้
ที่มา: เว็บไซต์ข่าวสด
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต