“เทคโนโลยี” ตัวช่วย ตร.เข้ม กม.จราจร ลดรีดไถ-จ่ายใต้โต๊ะ ลดอุบัติเหตุ

ที่มา : MGR Online 


“เทคโนโลยี” ตัวช่วย ตร.เข้ม กม.จราจร ลดรีดไถ-จ่ายใต้โต๊ะ ลดอุบัติเหตุ thaihealth


แฟ้มภาพ


เป็นเรื่องดรามาอยู่บ่อยครั้งระหว่าง “ประชาชน” ผู้ใช้รถใช้ถนน และ “ตำรวจจราจร” เมื่อมีการตรวจเรียกผู้ที่กระทำความผิดตามกฎหมายจราจรและต้องมีการเสียค่าปรับ ไม่ว่าจะเป็นการรีดไถหรือการจ่ายเงินใต้โต๊ะ ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทย ยังหนีไม่พ้นความดักดานเรื่อง “อุบัติเหตุทางถนน” เสียที


ประเทศไทยมีสถิติการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุมาจาก 1.โครงสร้างพื้นฐานทางถนนยังไม่ดี 2.พฤติกรรมการขับขี่ที่ไม่ปลอดภัยหรือไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร เช่า ขับรถเร็ว ดื่มแล้วขับ ไม่สวมหมวกกันน็อก เป็นต้น 3.ยานพาหนะไม่ปลอดภัย 4.การบังคับใช้กฎหมายที่ยังไม่เข้มแข็งมากพอ และ 5.การเข้าถึงจุดเกิดเหตุเพื่อช่วยเหลือที่อาจยังไม่รวดเร็วมากพอ


จากสาเหตุดังกล่าวจะเห็นได้ว่า หากทำให้ทุกอย่างดี มีมาตรฐาน จะช่วยลดอุบัติเหตุและการเสียชีวิตลงไปได้มาก โดยเฉพาะหากต้องการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ นอกจากการปรับโครงสร้างพื้นฐานทางถนนและยานพาหนะให้ปลอดภัยต่อการเดินทางแล้ว ปัจจัยสำคัญคือ พฤติกรรมของผู้ขับขี่เอง และการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะทำให้ประชาชนหวั่นเกรงไม่กล้ากระทำผิดกฎหมาย


อาจกล่าวได้ว่า การบังคับใช้กฎหมายที่เข้มแข็งมีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการขับขี่ของประชาชน หากยิ่งบังคับใช้กฎหมายเข้มข้น ประชาชนก็จะมีพฤติกรรมการขับขี่ที่ถูกกฎหมายยิ่งขึ้น ซึ่งประเด็นเรื่องการจ่ายเงินเมื่อกระทำความผิด ถือเป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหาการบังคับใช้กฎหมาย


“เทคโนโลยี” ตัวช่วย ตร.เข้ม กม.จราจร ลดรีดไถ-จ่ายใต้โต๊ะ ลดอุบัติเหตุ thaihealth


ทางออกหนึ่งของการแก้ปัญหาเหล่านี้ พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการสถานีตำรวจภูธร อ.เมือง จ.ภูเก็ต มองว่า “เทคโนโลยี” มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการแก้ปัญหานี้


“ปัญหาวิพากษ์วิจารณ์ตำรวจรีดไถเงิน ต้องมองใน 2 ประเด็นคือ ปัญหาเกิดจากผู้ขับขี่เองด้วยหรือไม่ คือเมื่อกระทำความผิดแล้วไม่อยากยุ่งยากก็พยายามยัดเยียดเงินให้ตำรวจ หรือบางกรณีอาจเกิดจากตำรวจเป็นผู้รีดไถเอง อย่างไรก็ตาม ปัญหาระหว่างประชาชนและตำรวจ ส่วนหนึ่งอาจมาจากการไม่รู้ข้อกฎหมายที่ดีทั้งสองฝ่าย ทำให้เกิดข้อโต้เถียงซึ่งกันและกัน ซึ่งเรื่องนี้ต้องแก้ด้วยการอบรมข้อกฎหมายให้เข้มข้นขึ้นทั้งสองฝ่าย” พล.ต.ต.ธีระพล กล่าว


“เทคโนโลยี” ตัวช่วย ตร.เข้ม กม.จราจร ลดรีดไถ-จ่ายใต้โต๊ะ ลดอุบัติเหตุ thaihealth


พล.ต.ต.ธีระพล กล่าวว่า นอกจากนี้ การนำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้ก็สามารถช่วยแก้ปัญหาได้ เช่น อุปกรณ์ตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ กล้องตรวจจับความเร็วต่างๆ ซึ่งปัจจุบันยังมีน้อย ส่วนที่หลายฝ่ายคัดค้านว่าเป็นการละลายงบประมาณไม่เกิดประโยชน์ในการทำให้บังคับใช้กฎหมายได้เข้มข้นขึ้นนั้น ตนอยากชี้แจงว่า ข้อเท็จจริงคือประชาชนใช้รถใช้ถนนมีจำนวนมาก แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีน้อยในการมาทำหน้าที่ตรงนี้ แต่การใช้เทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยให้ตรวจจับการกระทำความผิดได้ตลอด 24 ชั่วโมง และเป็นหลักฐานชัดเจนในการยืนยันว่ากระทำความผิดจริงหรือไม่ เช่น มีภาพถ่ายและคลิปวิดีโอที่ชัดเจนว่ากระทำผิดกฎหมาย ก็จะช่วยให้ตำรวจทำงานง่ายขึ้น ลดการโต้เถียงระหว่างกันลง ที่สำคัญสามารถลดการเผชิฐหน้าระหว่างตำรวจและประชาชนลงได้ เพราะเมื่อเทคโนโลยีเหล่านี้ตรวจจับได้ว่ากระทำความผิดจริง ก็สามารถออกใบสั่งส่งไปยังประชาชนได้เลย ทำให้ช่วยลดปัญหาการรีดไถและการจ่ายเงินใต้โต๊ะให้แก่ตำรวจได้ ก็จะทำให้การบังคับใช้กฎหมายเข้มข้นจริงจังมากขึ้น


“อย่างจังหวัดภูเก็ตที่ผมดำเนินการอยู่ ก็ถือเป็นพื้นที่ต้นแบบที่สามารถลดอุบัติเหตุจราจรและบังคับใช้กฎหมายได้อย่างจริงจัง ส่วนหนึ่งก็มาจากการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้เข้าช่วย แม้จะมีไม่มากก็ตาม และอีกส่วนหนึ่งมาจากการทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งของตำรวจจราจรที่ทำงานอย่างมืออาชีพ ไม่มีการตั้งด่าน ทำให้ไม่ค่อยมีคนต่อต้าน แต่สามารถเพิ่มอัตราการดำเนินคดีได้สูงขึ้น เช่น การดื่มแล้วขับดำเนินการเพิ่มขึ้น 10 เท่า ขณะที่การบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุลดลง” พล.ต.ต.ธีระพล กล่าว


พล.ต.ต.ธีระพล กล่าวว่า จากการดำเนินการทำให้ จ.ภูเก็ต มีสถิติการบังคับใช้กฎหมายจราจรทุกประเภทสูงสุดอันดับ 1 ของประเทศ โดยปี 2560 ดื่มไม่ขับตรวจ 46,876 ราย ดื่มแล้วขับเจอ 2,631 ราย คิดเป็น 5.6% ลดลงจากปี 2559 ที่พบ 5.9% การมีแอลกอฮอล์ในเลือดคนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุลดลง 8.8% ขณะที่การใช้เครื่องตรวจวัดความเร็วตรวจได้ 2,149 ราย เพิ่มจากปี 2559 ที่ตรวจ 308 ราย อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ แม้จะมีการออกใบสั่งมากเป็นหมื่นใบต่อเดือน แต่การมาจ่ายค่าปรับมีน้อยประมาณ 24.4%เท่านั้น เพราะยังไม่มีกฎหมายไปบังคับ ตรงนี้ต้องแก้กฎหมายจากส่วนกลาง


“เทคโนโลยี” ตัวช่วย ตร.เข้ม กม.จราจร ลดรีดไถ-จ่ายใต้โต๊ะ ลดอุบัติเหตุ thaihealth


นอกจากการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังแล้ว สาเหตุที่ทำให้ จ.ภูเก็ต สามารถลดอุบัติเหตุทางถนนลงได้ถึงร้อยละ 50 นพ.วิวัฒน์ ศีตมโนชญ์ ผู้จัดการแผนงานความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับองค์การอนามัยโลก ด้านความปลอดภัยทางถนน และรองประธานแผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรในระดับจังหวัด (สอจร.) ระบุว่า ยังมาจากการบริหารจัดการที่เข้มแข็ง ซึ่งเกิดขึ้นโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่เป็นตัวกลางในการประสานการดำเนินการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ ให้เกิดการหารือร่วมกัน และบูรณาการการทำงานร่วมกันจนประสบความสำเร็จ และการแก้ไขจุดเสี่ยงต่างๆ ซึ่งจะมีการวิเคราะห์ว่าจุดใดมีความเสี่ยงซ้ำซากและลงมือแก้ไข มีการปรับสภาพแวดล้อมต่างๆ เพื่อลดอุบัติเหตุลง โดยปี 2549 มีผู้เสียชีวิตประมาณ 200 ราย แต่ใน 10 ปีมานี้สามารถลดลงเหลือประมาณ 100 ราย และภายในปี 2563 ตามแผนทศวรรษความปลอดภัยทางถนนจะลดลงให้เหลือไม่เกิน 10 ราย


“สำหรับการเกิดอุบัติเหตุของ จ.ภูเก็ต ส่วนใหญ่ยังคงเป็นคนไทย แต่เนื่องจากเป็นจังวัดท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวมาภูเก็ตปีละกว่า 14 ล้านคน ทำให้อุบัติเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ และมีสัดส่วนที่สูงกว่าจังหวัดอื่น ซึ่งต่างชาติบางคนขับรถเอง โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ทำให้เกิดปัญหา เนื่องจากไม่ชินเส้นทาง ซึ่งตรงนี้ต้องแก้ไขที่พฤติกรรม ต้องบังคับใช้กฎหมายให้เข้มงวด ทั้งหมวกกันน็อก เมาแล้วขับ เป็นต้น” นพ.วิวัฒน์ กล่าว


“เทคโนโลยี” ตัวช่วย ตร.เข้ม กม.จราจร ลดรีดไถ-จ่ายใต้โต๊ะ ลดอุบัติเหตุ thaihealth


นพ.วิวัฒน์ กล่าวว่า การบังคับใช้กฎหมายของภูเก็ต ในส่วนของตำรวจนั้นมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เช่น แยกเจ้าฟ้าถนนกลาง ถือว่ามีการเกิดอุบัติเหตุมาก เนื่องจากการผ่าไฟแดง เพราะเป็นเส้นทางตรง ก็เป็นหนึ่งในห้าจุดที่มีการติดตั้งกล้องซีซีทีวี ส่วนเครื่องตรวจจับความเร็วที่มีอยู่ 2 ตัว ก็เวียนไปใช้ในพื้นที่ต่างๆ ที่มีความเสี่ยงตามวันและเวลา โดยเป็นลักษณะของ Laser Cam ที่ส่งข้อมูลการกระทำผิดแบบเรียลไทม์ส่งเข้าโทรศัพท์มือถือตำรวจได้เลย ทำให้สามารถตรวจจับได้ที่แยกถัดไปได้ทันที รวมถึงการใช้กล้องตรวจจับผู้ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร เป็นต้น ส่วนการบังคับใช้กฎหมายของขนส่งจังหวัด คือบังคับการตรวจสภาพรถสาธารณะปีละ 2 ครั้ง การควบคุมความเร็วด้วยจีพีเอส และการใช้แอปพลิเคชัน DLT GPS เพื่อผู้โดยสาร


“เทคโนโลยี” ตัวช่วย ตร.เข้ม กม.จราจร ลดรีดไถ-จ่ายใต้โต๊ะ ลดอุบัติเหตุ thaihealth


สำหรับการลดการเสียชีวิตหลังเกิดอุบัติเหตุนั้น ส่วนใหญ่ยังเป็นการเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ แต่การเข้าถึงพื้นที่เกิดเหตุได้รวดเร็วจะช่วยลดการเสียชีวิตระหว่างเส้นทางหรือขณะการรักษาลงได้ โดย นพ.เลอศักดิ์ ลีนะนิธิกุล รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ในฐานะหัวหน้ากลุ่มงานเวชศาสตร์ฉุกเฉิน กล่าวว่า รพ.วชิระภูเก็ตมีศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการ โดยจะรับแจ้งเหตุฉุกเฉินทั้งหมด ไม่เฉพาะแค่อุบัติเหตุทางถนนเท่านั้น โดยผู้รับสายจะมีการสอบถามรายละเอียด สถานที่เพื่อประเมินว่าจะส่งทีมใดที่ใกล้สุดไปรับผู้ป่วย ซึ่งมีทั้งของ รพ.รัฐ เอกชน และมูลนิธิ และมีการประเมินความรุนแรงว่าควรส่งโรงพยาบาลระดับใด มีการใช้จีพีเอสในการติดตาม รวมถึงใช้ระบบเทเลเมดิซีน ที่ทำให้เห็นสภาพผู้ป่วย สัญญาณชีพ อาการต่างๆ และสื่อสารกับพยาบาลที่อยู่บนรถได้ ทำให้สั่งการช่วยเหลือผู้ป่วยเบื้องต้น เตรียมความพร้อมร่างกายผู้ป่วยให้พร้อมเข้ารับการรักษาใน รพ. ทำให้สามารถเตรียมทีมบุคลากรทางการแพทย์ที่เหมาะสมกับการรักษาได้ ช่วยประหยัดเวลาให้ไม่ต้องมาเตรียมความพร้อมร่างกายผู้ป่วยและประเมินอาการที่ห้องฉูกเฉิน ซึ่งตรงนี้ช่วยประหยัดเวลาไปได้ 30-60 นาที แล้วแต่เคสแล้วแต่อาการของผู้ป่วย


หากแต่ละพื้นที่ดำเนินการเรื่องลดอุบัติเหตุ มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง และนำเทคโนโลยีมาช่วยในการตรวจจับเช่นเดียวกับ จ.ภูเก็ต เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มการดำเนินคดี ลดการรีดไถ จ่ายเงินใต้โต๊ะ และพลิกโฉมประเทศไทยให้หลุดจากอันดับท็อปไฟว์ของโลกในเรื่องอุบัติเหตุทางถนนลงได้

Shares:
QR Code :
QR Code