เตือน ปชช.ทำเส้นทางระบายน้ำรับปาบึก
ที่มา: เว็บไซต์คมชัดลึก
แฟ้มภาพ
จากการประชุมกองบัญชาการและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช) ในการเฝ้าระวัง ติดตาม และเตรียมการเผชิญเหตุ กรณีพายุโซนร้อน “ปาบึก” แนวโน้มสถานการณ์ส่งผลกระทบวันที่ 3-5 มกราคม 62 โดยปริมาณฝน 200 – 300 มม./วัน คลื่นเข้าฝั่งความสูง 3-5 เมตร
นายกฤษฏา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สั่งการด่วนทุกหน่วยงานติดตามสถานการณ์พายุปาบึก ได้ให้ปลัดกระทรวงและผู้บริหารในกระทรวงเกษตรฯทุกสังกัด
ขอให้รีบสั่งการทางวิทยุ – ช่องทางการสื่อสารทุกช่องทางไปยังหน่วยงานกระทรวงเกษตรฯในพื้นที่ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปด้วยพร้อมจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชม.ทั้งด้านการสูบน้ำ การอพยพปศุสัตว์การเตือนประชาชนทำเส้นทางน้ำ อย่าให้ช้าจนเสียการ รวมทั้งมอบหมายผู้ตรวจราชการไปตรวจติดตามด้วยเพื่อเป้าหมายลดความสูญเสียให้น้อยที่สุดขอทราบผลทุกระยะ
ทั้งนี้จากการประชุมกองบัญชาการและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช) ในการเฝ้าระวัง ติดตาม และเตรียมการเผชิญเหตุ กรณีพายุโซนร้อน “ปาบึก” แนวโน้มสถานการณ์ส่งผลกระทบวันที่ 3-5 มกราคม 62 โดยปริมาณฝน 200 – 300 มม./วัน คลื่นเข้าฝั่งความสูง 3-5 เมตร
สำหรับการปฏิบัติการทุกหน่วยของกระทรวงเกษตรฯและกรมชลประทานคือ 1.ประเมินความเสี่ยงและลดความเสี่ยงเตรียมป้องกันเหตุ โดยติดตามเส้นทางพายุ ปริมาณฝน ปริมาณน้ำท่า คลื่นจากพายุ (strom surge) เพื่อดำเนินการพร่องน้ำระบายน้ำ รองรับมวลน้ำ และบริหารจัดการน้ำในเขื่อน อ่าง ขนาดต่าง ๆ ให้สอดคล้องขนาดและความรุนแรงของพายุ ในการนี้อธิบดีกรมชลประทาน ได้มอบหมายสั่งการ แล้ว ตั้งแต่วันที่
1 มกราคม 62
2.จัดสรรพกำลัง ยานพาหนะขนาดใหญ่ เครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ
ระบบสื่อสาร/วิทยุสื่อสาร ความพร้อมประตูระบายน้ำ เสบียงอาหาร เสบียงสัตว์ เวชภัณฑ์ เพิ่มเติมจากที่มีอยู่ในพื้นทีเมื่อเผชิญเหตุอุทกภัยก่อนหน้า
3 .ร่วมปฏิบัติการตามแนวปฏิบัติของ กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด อย่างใกล้ชิด
4 .ร่วมสนับสนุนการป้องกัน ระงับยับยั้ง เรือประมง ตามประกาศงดเดินเรือของจังหวัด
5 .เตรียมพร้อมเพื่อการหยุดยั่งความเสียหาย การประเมินความเสียหาย และการฟื้นฟู ด้านการเกษตร เมื่อพายุได้ผ่านไปโดยเร็ว