เตือนอย่าเชื่อข้อมูลรักษาโรคตาทางเน็ต
เตือนข้อมูลรักษา "ดวงตา" ตามเน็ตอันตราย ทั้งขายอาหารเสริม สอนวิธีนวดดวงตา รักษาต้อ สารพัดโรคตา ระวังตาบอดถาวร จักษุแพทย์ชี้ออกแรงกดดวงตาทำจอตาขาด หลุดลอก แนะปรึกษาจักษุแพทย์ดีกว่า
นพ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ จักษุแพทย์เชี่ยวชาญ รพ.พระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี กล่าวว่า วันที่ 6 มี.ค.ของทุกปี เป็นวันต้อหินโลก ซึ่งโรคนี้อันตรายเพราะทำให้ตาบอดมากเป็นอันดับ 2 รองจากตาต้อกระจก ผู้ป่วยโรคต้อหินส่วนใหญ่ร้อยละ 90 มักไม่ค่อยรู้ตัวมาก่อน เนื่องจากโรคก่อตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป สำหรับคนไทยพบผู้ป่วยโรคต้อหินทั่วประเทศ 6,200 ราย โดยคนอายุ 40 ปีขึ้นไป มีโอกาสเป็นต้อหินร้อยละ 1 ส่วนผู้ป่วยเบาหวานจะมีโอกาสเป็นต้อหินร้อยละ 5-7 จึงขอแนะนำให้คนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป พบจักษุแพทย์เพื่อตรวจตาปีละครั้ง ส่วนอายุ 60 ปีขึ้นไปตรวจปีละ 2 ครั้ง ซึ่งการพบโรคแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดการสูญเสียการมองเห็นได้ ซึ่งการรักษามีทั้งยาหยอดตาลดความดันลูกตา การรักษาด้วยเลเซอร์ และรักษาด้วยการผ่าตัด
นพ.ฐาปนวงศ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ ที่น่าห่วงคือมีการโฆษณารักษาโรคทางอินเทอร์เน็ตว่ารักษาโรคเกี่ยวกับดวงตาได้ เช่นรับประทานอาหารเสริมที่ขายออนไลน์ หรือวิธีนวดตาโดยออกแรงกดไปบนดวงตาแล้วหายขาดได้ ซึ่งพบว่ามีผู้ป่วยหลายรายรับการรักษาด้วยวิธีดังกล่าวแล้วไม่ได้ผล ต้องกลับมารับการรักษาด้วยวิธีมาตรฐานทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์จึงได้ผล เช่น ผู้ป่วยหญิงรายหนึ่งถูกลูกเทนนิสกระแทกที่ดวงตา ตามัวลง จากนั้นได้ไปรักษาโดยการนวดดวงตา การมองเห็นกลับแย่ลงเรื่อยๆ จึงไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลรัฐ แพทย์ตรวจพบว่าเกิดเส้นเลือดผิดปกติใต้จอตา มีเลือดออก และจอตาบวม จึงรับการรักษาด้วยการฉีดยาเข้าดวงตา จากนั้น เส้นเลือดผิดปกติจึงค่อยๆฝ่อลง และการมองเห็นดีขึ้นเป็นลำดับ
ด้าน นพ.ไพศาล ร่วมวิบูลย์สุข ประธานราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันการเผยแพร่ข้อมูลออนไลน์ทำได้ง่ายมาก จึงมีการเผยแพร่ข้อมูลวิธีการรักษาโรคตาบางอย่าง โดยกล่าวอ้างขึ้นมาทั้งที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าสามารถรักษาได้ ประชาชนจึงควรใช้วิจารณญาณในการเชื่อข้อมูลเหล่านี้ อย่างน้อยก็ควรจะหาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งต่างๆ เพื่อยืนยันว่าข้อมูลนั้นเชื่อถือได้หรือไม่ ไม่ควรเชื่อข้อมูลจากฝ่ายเดียว สำหรับดวงตานั้น จักษุแพทย์จะไม่แนะนำให้ออกแรงกดลงบนดวงตาโดยตรง เพราะเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายหลายอย่าง เช่น ทำให้จอตาขาดและหลุดลอก แก้วตาเคลื่อน เลือดออกในตา ซึ่งมีหลักฐานจากนักมวยหลายรายสุดท้ายต้องตาบอดจากจอตาขาดและหลุดลอก ซึ่งมีการรายงานถึงอันตรายนี้เป็นหลักฐานในวารสารทางการแพทย์ที่เชื่อถือได้
"วิธีรักษาสุขภาพตาที่ถูกต้อง คือหากต้องจ้องมองอะไรใกล้ๆ นานๆ เช่น อ่านหนังสือ ใช้โทรศัพท์มือถือ โดยเฉพาะสมาร์ทโฟนต่างๆ ครั้งหนึ่งไม่ควรเกิน 45-60 นาทีแล้วให้พักสายตา โดยให้มองไปบริเวณอื่นไกลๆ โดยเฉพาะพื้นที่มีใบไม้สีเขียว เนื่องจากสีเขียวเป็นสีที่เย็นตา หรือใช้วิธีหลับตาให้สนิทนาน 10-15 นาที เพื่อถนอมสายตา นอกจากนี้ ยังขอให้ประชาชนที่มีปัญหาเกี่ยวกับดวงตาและการมองเห็น ขอให้เข้ารับการรักษาด้วยวิธีการทางแพทย์ที่ถูกต้อง มีมาตรฐานรับรอง ให้ใช้วิจารณญาณไว้ให้มาก ก่อนจะเชื่อข้อมูลข่าวสารทางสื่อออนไลน์หรือจากปากต่อปาก ควรศึกษาข้อมูลและวิธีการรักษาให้ละเอียดถี่ถ้วน หรือขอคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจักษุวิทยาหลายๆ คนก็ได้" นพ.ไพศาล กล่าว
ที่มา : ASTV ผู้จัดการออนไลน์
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต