เตือนพ่อแม่อย่าใช้ไอทีเลี้ยงลูก
ที่มา : มติชนออนไลน์
แฟ้มภาพ
เด็กไทยใช้เวลาติดหน้าจอเฉลี่ย 5 ชั่วโมง/วัน หรือ 35 ชั่วโมง/สัปดาห์ และปัญหาการติดโซเชียลของเด็กไทยนับวันยิ่งจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวเสวนาปัญหาโรคออนไลน์ “รีวิวชีวิตติดสื่อ” ของชาว Gen Z ในงานเปิดตัวโครงการ “ไทยแลนด์ ซุปเปอร์ แคมป์” (THAILAND SUPER CAMP) ค่ายเยาวชนแห่งการพัฒนาตัวเอง ภายใต้โครงการปิดเทอมสร้างสรรค์ ว่า เด็กยุคเจนแซดเป็นเด็กที่เติบโตมาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่อยู่แวดล้อม มีความสามารถในการใช้งานเทคโนโลยีต่างๆ และเรียนรู้ได้เร็ว ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บนเว็บสื่อสารผ่านอินเตอร์เน็ตเป็นหลัก ซึ่งจากข้อมูลพบว่าเด็กไทยใช้เวลาติดหน้าจอเฉลี่ย 5 ชั่วโมง/วัน หรือ 35 ชั่วโมง/สัปดาห์ มากกว่าเด็กต่างประเทศที่เฉลี่ย 2 ชั่วโมง/วันมาก อีกทั้งปัญหาการติดโซเชียลของเด็กไทยนับวันยิ่งจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยส่วนหนึ่งเกิดจากวิธีการเลี้ยงดูของพ่อแม่ที่ใช้อุปกรณ์ไอทีเลี้ยงลูก ทำให้อีคิวหรือความฉลาดทางอารมณ์ของเด็กลดลง เนื่องจากขาดปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างและกิจกรรมที่ได้เรียนรู้จากธรรมชาติ รวมถึงเกิดความทุกข์จากการเปรียบเทียบระหว่างชีวิตตนเองและชีวิตเพื่อนในสังคมออนไลน์ที่มีชีวิตดีกว่า จนขาดการยอมรับและนับถือตนเอง ทำให้เด็กรู้สึกว่าด้อยคุณค่าในตัวเอง และอาจทำให้เกิดโรคซึมเศร้าจากโลกเสมือนจริงขึ้นได้ สุดท้ายผลการเรียนก็ตกต่ำ มีปัญหาสุขภาพตามมาโดยเฉพาะโรคที่เกิดจากพฤติกรรม อาทิ โรคอ้วน จนกระทั่งฆ่าตัวตาย
พญ.จิราภรณ์กล่าวว่า ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ ซึ่งพ่อแม่ถือเป็นส่วนสำคัญมากในการสร้างกติกาให้ลูก ว่าสามารถเล่นสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตได้กี่ชั่วโมง/วัน เมื่อครบเวลาต้องเก็บทันที อย่าใจดีใจอ่อนเมื่อลูกโวยวาย รวมถึงมอบความรับผิดชอบให้ดูแล อาทิ งานบ้าน การหากิจกรรมอื่นๆ ให้ลูกทำ อาทิ เล่นกีฬา ดนตรี ที่สำคัญพ่อแม่ควรปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ไม่ใช่ปากสอนลูกแต่ก็ยังติดโซเชียลเสียเอง ทั้งนี้ การมีลูกติดโซเชียลก็เหมือนมีลูกติดยาเสพติด หากลูกต่อต้านพ่อแม่ไปควบคุมการเล่นโซเชียลมีเดีย ก็ต้องพามาพบจิตแพทย์เด็ก เพื่อประเมินและรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป ซึ่งขณะนี้คลินิกวัยรุ่น รพ.รามาฯก็มีจองคิวรักษากันข้ามปี เพราะเด็กและเยาวชนกำลังประสบปัญหาอย่างมาก