“เด็กดี” ที่ “พ่อ” ภูมิใจ

หน้าที่ 10 ประการ ที่ควรทำ

 

“เด็กดี” ที่ “พ่อ” ภูมิใจ            เด็กเอ๋ย เด็กดี ต้องมีหน้าที่ 10 อย่างด้วยกันบทเพลง หน้าที่เด็ก ที่ถูกประพันธ์ขึ้น โดยฝีมือบรมครูอย่างครูเอื้อ สุนทรสนาน ที่แสดงให้เห็นถึงหน้าที่ที่เด็กควรทำ 10 ประการ อาทิ การรักษาขนบธรรมเนียมประเพณี การเชื่อฟังพ่อแม่ และการบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์อยู่เสมอ…แต่ดูเหมือนว่า เด็กและเยาวชนในปัจจุบันจะละเลยสิ่งเหล่านี้ เพราะมั่วแต่ไปหลงมัวเมาอยู่กับเหล้ายาปลาปิ้ง บ้างก็เกาะกระแสเกาหลีฟีเวอร์ จนหลงลืมวัฒนธรรมที่งดงามของไทยจนหมดสิ้น

 

            เกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนไทย ส่งผลให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเป็นกังวลเป็นอย่างมาก ดังจะเห็นได้จากพระราชดำรัสที่มีใจความตอนหนึ่งว่า

 

“…เด็กๆ จะต้องสามารถเรียนรู้ เรียนให้ทำงาน เพื่อช่วยบ้านเมือง ถ้าเด็กไม่มีความรู้ ช่วยบ้านเมืองไม่ได้ บ้านเมืองไปไม่รอด เพราะเด็กมัวแต่ไปเสพยาเสพติด สูบบุหรี่ ไม่ดี เสพยาไม่ต้องบอกหรอกว่าเสียหายยังไง แต่บุหรี่นี่หูเสีย ตาเสีย สมองเสีย เส้นเลือดเสีย หัวใจ…

 

พระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2547

           

            เนื่องในวันที่ 5 ธันวาคมนี้ เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหรือที่เรียกสั้นๆ ว่า วันพ่อเด็กๆ ทุกคนก็คงอยากเริ่มต้นทำความดีเพื่อถวายแด่ในหลวง หรือ พ่อหลวง แต่จะเริ่มต้นที่ไหน อย่างไร วันนี้สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มีคำแนะนำดีๆ มาฝาก 

“เด็กดี” ที่ “พ่อ” ภูมิใจ 

อยากเป็นเด็กดีที่พ่อภูมิใจ ทำได้ง่ายๆ

 

            เด็กดีเป็นได้ไม่ยาก เพียงแค่ปฏิบัติตนตามบทเพลงหน้าที่เด็ก 10 ประการ อันได้แก่

 

หนึ่ง…นับถือศาสนา…การทำนุบำรุงศาสนาถือเป็นอีกหน้าที่ที่สำคัญที่เด็กๆ ทุกคนพึงประพฤติปฏิบัติ ดังพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่มีใจความตอนหนึ่งว่า

 

“…ทุกคนที่ถือตัวว่าเป็นชาวพุทธ จะต้องสนใจศึกษาพระพุทธศาสนาตามภูมิปัญญา ความสามารถ และโอกาสของตนที่มีอยู่ เพื่อให้เกิดความรู้และความเข้าใจที่กระจ่างถูกต้อง พระศาสนาก็จะมั่นคง ขึ้นได้…”

 

พระราชดำรัส พระราชทานแก่ที่ประชุมใหญ่ของ องค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก ณ ประเทศเนปาล 27 พฤศจิกายน 2529

 

            เด็กๆ ทุกคนควรศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับศาสนาที่ตนเองนับถือ ไม่ว่าจะเป็นพุทธ คริสต์ หรืออิสลาม ทุกศาสนาล้วนมีเรื่องราวความเป็นมาที่น่าสนใจที่ศาสนิกชนทุกคนควรต้องรู้! นอกจากนี้ ยังต้องรู้จักทำนุบำรุงศาสนา ด้วยการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีที่งดงามอย่างการใส่บาตร เข้าวัด ฟังธรรม เวียนเทียน เป็นต้น

 

สอง…รักษาธรรมเนียมมั่นขนบธรรมเนียมประเพณีไทยที่ดีงามที่ถูกสืบทอดต่อกันมาหลายชั่วอายุคน อาจสิ้นสุดลงได้ ถ้าเยาวชนละเลย ไม่ใส่ใจศึกษาหาความรู้เรื่องราวของวัฒนธรรมไทย เพราะมัวแต่หลงใหลไปกับวัฒนธรรมต่างชาติอย่างเกาหลี ญี่ปุ่น และชาติตะวันตก ทำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นห่วงมาก ดังพระราชดำรัสที่มีใจความตอนหนึ่งว่า

 

…ประเพณีทั้งหลายย่อมมีประโยชน์ในการดำเนินชีวิตของแต่ละคน เรามีประเพณีของชาติไทยเป็นสมบัติ เราควรจะยินดีอย่างยิ่งและช่วยกันส่งเสริมรักษาไว้ เพื่อความเจริญก้าวหน้าของประเทศ…

 

พระราชดำรัสในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 21 เมษายน 2503

 

สาม…เชื่อพ่อแม่ครูอาจารย์…เด็กดีต้องรู้จักเชื่อฟังผู้ใหญ่ เพราะผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อน ย่อมมีประสบการณ์ดีๆ มาเล่า มาแบ่งปันให้ฟัง เด็กๆ ควรรับฟัง และนำมาประยุกต์ใช้กับการดำเนินชีวิต ดังพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่มีใจความตอนหนึ่งว่า

 

“…หน้าที่สำคัญของนักเรียน อยู่ที่เรียนให้เต็มกำลังและให้สำเร็จ การจะเรียนให้ได้อย่างนั้น จะทำอย่างไร ก็ต้องเข้าใจว่า เราจะต้องมีวิชาสำหรับสร้างตัวให้มีความสุขความเจริญต่อไปข้างหน้า ถ้าไม่ขวนขวายศึกษาเสียแต่ต้นจะไม่มีโอกาส จะทำให้ชีวิตอับเฉาเป็นคนไร้ประโยชน์ เพราะไม่มีความรู้ติดตัว เมื่อเข้าใจแล้วอย่างนี้จะได้รักเรียน ขยันเรียนด้วยความบากบั่นอดทน เพราะรู้ซึ้งถึงประโยชน์และคุณคุณค่าของวิชาความรู้ และการที่จะเรียนให้ดี ให้รู้วิชาแจ่มแจ้งลึกซึ้งได้นั้น นอกจากจะอยู่ที่ความตั้งใจและความหมั่นเพียรแล้ว ยังอยู่ที่ความมีสัมมาคารวะ ความฉลาดที่จะทำตัวให้เป็นที่เมตตาเอ็นดูของครูด้วย ถ้าทำตัวดี มีความอ่อนน้อม เคารพเชื่อฟังครู เอาใจใส่ช่วยเหลือครูในกิจต่างๆ แม้เล็กน้อยก็ไม่นิ่งดูดาย หรือเฉยเมย ครูย่อมมองเห็นความดีในกายในใจของตัว จะรักใคร่เหมือนเป็นทั้งลูกทั้งศิษย์ จะยินดีสั่งสอนอบรมความรู้อย่างดีทุกอย่างให้โดยเต็มใจและจริงใจ ให้เล่าเรียนสำเร็จผลได้เต็มเปี่ยม จึงขอให้จำไว้และพยายามปฏิบัติให้ได้ทุกคน…

 

พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่คณะอาจารย์ ครู และนักเรียนโรงเรียนวังไกลกังวล ในโอกาสเข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานรางวัล 7 มิถุนายน 2521

 

สี่…วาจานั้นต้องสุภาพอ่อนหวาน…เด็กดีที่น่ารัก ควรจะพูดจาด้วยความสุภาพ อ่อนหวาน ไม่ควรพูดจากระโชกโฮกฮาก รวมทั้งมีกิริยาที่สุภาพ และมีจิตใจที่งดงาม ดังพระราชบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ดังใจความตอนหนึ่งว่า

 

…เด็กต้องหัดทำตัวให้สุภาพอ่อนโยน หมั่นขยัน เอาการเอางาน เอื้อเฟื้อ ช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความเต็มใจอยู่เสมอให้ติดเป็นนิสัย จักได้เติบโตขึ้นเป็นคนดี มีประโยชน์ และมีความเจริญมั่นคงในชีวิต …

 

พระบรมราโชวาท พระราชทานเพื่อเชิญลงพิมพ์ในหนังสือวันเด็ก ประจำปี 2529

 

“เด็กดี” ที่ “พ่อ” ภูมิใจห้า…ยึดมั่นกตัญญูความกตัญญู เป็นเครื่องหมายของคนดี เด็กที่ดีจึงควรมีความกตัญญูกตเวทีต่อผู้ที่มีพระคุณ โดยเฉพาะกับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด ครูอาจารย์ ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชา และผู้ให้ความเกื้อหนุน ช่วยเหลือ เด็กๆ ควรให้ความช่วยเหลือ ดูแล ไม่ทอดทิ้งผู้มีพระคุณ ดังพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ดังใจความตอนหนึ่งว่า

 

…ความกตัญญูกตเวทีคือสภาพจิตที่รับรู้ความดี และยินดีที่จะกระทำความดี โดยศรัทธามั่นใจ คนมีกตัญญูจึงไม่ลบล้างทำลายความดี และไม่ลบหลู่ผู้ที่ได้ทำความดีมาก่อน หากเพียรพยายามรักษาความดีทั้งปวงไว้ให้เป็นพื้นฐาน ในความประพฤติปฏิบัติทุกอย่างของตนเอง เมื่อเต็มใจและจงใจกระทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความดีดังนี้ ก็ย่อมมีแต่ความเจริญมั่นคงและรุ่งเรืองก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้น จึงอาจกล่าวได้ว่าความกตัญญูกตเวทีเป็นคุณสมบัติอันสำคัญยิ่งสำหรับนักพัฒนา และผู้ปรารถนาความเจริญก้าวหน้าทุกคน…

 

พระบรมราโชวาทพระราชทานแก่คณะกรรมการวันกตัญญูกตเวที สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย เพื่อเชิญลงพิมพ์ในหนังสือที่ระลึกวันกตัญญูกตเวที และเชิญออกเผยแพร่แก่ประชาชนเป็นแนวทางปฏิบัติ 8 เมษายน 2526

 

หก…เป็นผู้รู้รักการงาน…เด็กดี ต้องมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเอง คือ การศึกษาเล่าเรียน ดังพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังมีใจความตอนหนึ่งว่า

 

“…การจะเล่าเรียนหรือทำการใดๆ ให้สำเร็จได้ด้วยดีโดยตลอดนั้น ขึ้นอยู่กับความตั้งใจจริงเป็นใหญ่ เพราะความตั้งใจจริงนี้เป็นเครื่องมือสำคัญ ที่จะช่วยกำจัดความเกียจคร้าน ความอ่อนแอ และความท้อถอยได้อย่างดียิ่ง จะปลูกฝังความเอาใจใส่ ความขยันหมั่นเพียรและความเข้มแข็ง ให้เกิดเป็นนิสัย และนิสัยที่ดีที่ปลูกไว้แต่เยาว์วัย จะเป็นคุณสมบัติติดตัวไปในวันข้างหน้า จะช่วยพาตัวให้องอาจ สามารถเอาชนะอุปสรรคและปัญหาต่างๆ ได้โดยตลอดและประสบความสำเร็จความเจริญรุ่งเรืองต่อไปในชีวิต…

 

พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่คณะอาจารย์ ครู และนักเรียนโรงเรียนวังไกลกังวล 31 พฤษภาคม 2517

 

เจ็ด…ต้องศึกษาให้เชี่ยวชาญ ต้องมานะบากบั่น ไม่เกียจไม่คร้านเด็กดี ต้องเป็นเด็กที่ตั้งใจ หมั่นศึกษาเล่าเรียน ไม่เกียจคร้านที่จะไปโรงเรียน และหาความรู้ใหม่ๆ อยู่เสมอ นอกจากนี้ยังต้องรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ด้วยการออกกำลังกาย อ่านหนังสือ เล่นดนตรี ฝึกปรือศิลปะ แทนการรวมกลุ่มแก๊งค์ แล้วออกไปซิ่งรถ ก่อความรำคาญแก่ผู้อื่น หรือทำร้ายตัวเองด้วยการเสพยา ขายยาเสพติด อันนำมาซึ่งการสูญเสียอนาคตที่ดี ซ้ำยังทำให้บุพการีต้องเสียใจอีกด้วย

 

การศึกษาจึงเรียกได้ว่าเป็นหนทางที่จะนำพาชีวิตไปสู่ความสำเร็จได้ ดังพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่มีใจความตอนหนึ่งว่า

 

“…การศึกษาเป็นเครื่องอันสำคัญในการพัฒนา ความรู้ความคิด ความประพฤติ ทัศนคติ ค่านิยมและคุณธรรมของบุคคลเพื่อให้เป็นพลเมืองดีมีคุณภาพและประสิทธิภาพ เมื่อบ้านเมืองประกอบ ไปด้วยพลเมืองที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพ การพัฒนาประเทศชาติก็ย่อมทำให้ได้โดยสะดวกราบรื่นได้ผลที่แน่นอนและรวดเร็ว…”

 

พระราชดำรัส พระราชทานแก่ครูใหญ่และนักเรียน ณ ศาลาดุสิตาลัย พระราชวังดุสิต 22 กรกฎาคม 2520

 

แปด…รู้จักออมประหยัด…ความพอเพียง ไม่เพียงเป็นหัวใจหลักสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับประเทศเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเศรษฐกิจในระดับครอบครัวอีกด้วย ดังพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังมีใจความตอนหนึ่งว่า

 

…การใช้จ่ายอย่างประหยัดนั้น จะเป็นหลักประกันความสมบูรณ์พูนสุขของผู้ประหยัดเอง และครอบครัว ช่วยป้องกันความขาดแคลนในวันข้างหน้า การประหยัดดังกล่าวนี้จะมีผลดีไม่เฉพาะแก่ผู้ที่ประหยัดเท่านั้น ยังเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติด้วย…

 

พระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 31 ธ.ค. 2502 ดังนั้น เด็กๆ ต้องรู้จักเก็บหอมรอมริบ ไม่ใช้จ่ายโดยเปล่าประโยชน์ และวางแผนการใช้เงินให้ดี เพื่อเป็นการลดภาระของผู้ปกครอง และเก็บเป็นค่าใช้จ่ายในอนาคตได้อีกด้วย

 

เก้า…ต้องซื่อสัตย์ตลอดกาล น้ำใจนักกีฬากล้าหาญ ให้เหมาะกับกาลสมัยชาติพัฒนาเด็กดีต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่คดโกง ลักขโมยสิ่งของอันมิใช่ของตน ดังพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่มีใจความตอนหนึ่งว่า

 

“…ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นพื้นฐานของความดีทุกอย่าง เด็กๆ จึงต้องฝึกฝนอบรมให้เกิดมีขึ้นในตนเอง เพื่อจักได้เติบโตขึ้นเป็นคนดีมีประโยชน์และมีชีวิตที่สะอาดที่เจริญมั่นคง…”

 

พระราชดำรัส พระราชทานเพื่อเชิญลงพิมพ์ในหนังสือวันเด็ก 18 พฤศจิกายน 2530

 

และ สิบ…เด็กดีต้องรู้จักบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ รู้จักบาปบุญคุณโทษ และช่วยกันรักษาสมบัติของชาติให้คงไว้สืบไป

“เด็กดี” ที่ “พ่อ” ภูมิใจ 

            อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงห่วงเป็นพิเศษ ดังมีพระราชดำรัสปรากฏถึงอยู่เนืองๆ ว่า

 

“…ในปัจจุบันนี้ปรากฏว่า ได้มีการใช้ถ้อยคำออกจะฟุ่มเฟือย และไม่ตรงกับความหมายอันแท้จริงอยู่เนืองๆ ทั้งออกเสียงก็ไม่ถูกต้องตามอักขรวิธี ถ้าปล่อยให้เป็นดังนี้ ภาษาของเราก็มีแต่จะทรุดโทรม ชาติไทยเรามีภาษาของเราใช้เองเป็นสิ่งอันประเสริฐอยู่แล้ว เป็นมรดกอันมีค่าตกทอดมาถึงเราทุกคน จึงมีหน้าที่จะต้องรักษาไว้…

 

พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 9 กรกฎาคม 2502

 

ประเทศไทยมีความโชคดีที่มีภาษาของตนเองมาแต่โบราณกาล จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะรักษาไว้ โดยเฉพาะในเด็กยุคไอที ที่มีการแปลงภาษาให้ผิดเพี้ยนไปจากเดิม ทั้งการออกเสียง การเขียน ที่ทำให้ภาษาเกิดความวิปริต ดังนั้น เด็กๆ ควรช่วยกันรักษาภาษาให้บริสุทธิ์ ออกเสียงให้ถูกต้อง ชัดเจน และใช้ได้ถูกความหมาย เพราะภาษาเป็นเครื่องแสดงความเป็นเอกราช และเป็นมรดกที่บรรพบุรุษสร้างไว้ จึงเป็นหน้าที่ที่ของเด็กและเยาวชนที่จะต้องรักษา และสืบทอดต่อไป

 

เพียงปฏิบัติได้ตามนี้ ก็สามารถเป็น เด็กดี ได้แล้ว และทุกๆ ความดีที่เราทำ จะเป็นของขวัญแสนวิเศษที่ทำให้พ่อชื่นใจ

 

 

 

 

 

 

 

 

เรื่องโดย : อารยา สิงห์สวัสดิ์ Team content www.thaihealth.or.th

 

 

Update 02-12-52

 

อัพเดทเนื้อหาโดย : อารยา สิงห์สวัสดิ์

Shares:
QR Code :
QR Code