เดี๋ยวฝนเดี๋ยวหนาว สงกรานต์หยุดตาย
เดี๋ยวร้อน…เดี๋ยวฝน…เดี๋ยวหนาว อากาศเปลี่ยนแปลงแบบวันเดียวสามฤดู ผู้ที่ร่างกายอ่อนแอและเด็กเล็กต้องระวังโดยเฉพาะไข้หวัดใหญ่
ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทยกล่าวว่า เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ในเมืองไทย จริงๆแพร่ระบาดช่วงหน้าฝน แต่คนไทยติดเชื้อหวัดหน้าหนาวกันเยอะเพราะคนต่างชาติ “ฝรั่งคนจีน ไข้หวัดจะระบาดตอนหน้าหนาวหิมะตก ช่วงนี้อากาศกำลังสบายชอบมาเที่ยวเมืองไทย ก็หอบเชื้อไวรัสไข้หวัดมาด้วย”
ไข้หวัดในเด็ก โดยมากจะติดจากมือ เด็กมีน้ำมูกไหล เล่นกันเอามือเช็ดป้ายกันไปมา จับโน่นจับนี่ไม่ได้ล้าง แถมกลับบ้านก็แพร่เชื้อไปให้ผู้ใหญ่
“เด็กไม่มีภูมิคุ้มกันเก่า กำจัดเชื้อโรคได้ช้า จะปล่อยเชื้อเป็นพาหะได้นานกว่าผู้ใหญ่ โดยมากใช้เวลานานนับอาทิตย์ ยิ่งเด็กเล็กความสามารถในการต่อสู้กับเชื้อโรค ก็สู้เด็กโตไม่ได้” อีกโรคใหม่ ร้ายแรง…ถึงร้ายแรงมาก โรคไอพีดี เชื้อแบคทีเรียนิวโมคอคคัส เกิดจากการแทรกซ้อนจากโรคหวัด ทำให้เกิดปอดบวม ติดเชื้อในกระแสเลือด ลุกลามไปถึงสมอง ทำให้เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
ศ.(พิเศษ) นายแพทย์ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิ กระทรวงสาธารณสุข และอดีตผู้เชี่ยวชาญทางด้านโรคติดเชื้อในเด็ก 3-5 ปีบอกว่า ปัจจุบันโรคไอพีดี ปอดบวม และหูชั้นกลางอักเสบ เป็นโรคที่พบเป็นปกติในเด็กไทย และมีอัตราเพิ่มขึ้นประมาณ 1-3% ทุกปีกลุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อมักจะเป็นในเด็กเล็กโดยเฉพาะอายุต่ำกว่า 2ปี ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง และผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคปอด หอบหืด โรคหัวใจ มีสาเหตุจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่านิวโมคอคคัส ชื่อเต็มว่า“สเตรปโตคอคคัส นิวโมเนียอี”
เชื้อแบคทีเรียนี้ พบได้ในโพรงจมูกและลำคอของคนเราทั่วไป ซึ่งโดยส่วนใหญ่มักจะไม่แสดงอาการ แต่เมื่อใดที่ร่างกายอ่อนแอ เชื้อโรคนี้ก็จะก่อให้เกิดโรคอันตรายได้ และจะเป็นสาเหตุหลักในการก่อให้เกิดโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ เช่น ไซนัสอักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดบวม จนไปถึงโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ซึ่งเชื้อนิวโมคอคคัส จะติดต่อจากคนสู่คนผ่านทางเสมหะ น้ำมูก น้ำลายเวลาไอ จาม
วันนี้หลายคนน่าจะรู้ถึงความรุนแรงของโรคไอพีดีกันพอสมควรแล้วโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัสชนิดรุนแรง ได้แก่ โรคติดเชื้อในกระแสเลือด โรคปอดบวมจากการติดเชื้อในกระแสเลือด และโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เด็กจะมีอาการไข้สูง ซึม หรืองอแง ชัก และอาจมีอาเจียนพุ่ง หากรักษาไม่ทัน ผู้ป่วยหรือเด็กที่ติดเชื้ออาจมีความพิการทางสมองหรือเสียชีวิตได้
กรณีโรคปอดบวมหรือปอดอักเสบ เป็นโรคติดเชื้อที่พบได้บ่อยในเด็ก เกิดได้จากหลายสาเหตุ อาการจะมีไข้ ไอ เหนื่อย หอบ หายใจเร็ว หายใจลำบาก ที่สำคัญคือ ภาวะน้ำหรือหนองในช่องเยื่อหุ้มปอด ภาวะการติดเชื้อในกระแสเลือดที่รุนแรง และภาวะช็อก
ประเด็นน่าสนใจ การประเมินขององค์การอนามัยโลก พบว่าปอดบวมเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบเป็นอันดับ 1 ของโลก โดยในแต่ละปี มีเด็กเสียชีวิตจากโรคนี้สูงถึงปีละ 2 ล้านคน
กรณีโรคหูชั้นกลางอักเสบ ให้รู้เป็นข้อมูลเอาไว้ว่า สามารถเกิดได้ ทั้งจากการติดเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรีย โดยที่เกิดจากเชื้อไวรัส ร่างกายสามารถรักษาให้หายเองได้
ส่วนโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย จะหายช้ากว่าและสามารถเป็นซ้ำได้อีก หากเด็กเป็นไข้หวัด ไม่สบาย มีไข้สูง ปวดหูมาก ถ้าเป็นเด็กเล็ก จะร้องกวน เอามือกุมหูข้างที่ปวดไว้ตลอด และอาการปวดหูอาจเป็นมากขึ้นเวลากลางคืน ควรรีบปรึกษากุมารแพทย์เพื่อตรวจหู เพราะหากเด็กไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีและอย่างจริงจัง โรคนี้จะมีโอกาสพัฒนาไปสู่โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ และโรคหูหนวกได้ในอนาคต
อันตรายของ โรคติดเชื้อนิวโมคอคคัส จะก่อให้เกิดการติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจ ในปอด จะมีอาการไอ หากมีการติดเชื้อในถุงลมก็จะมีเสมหะ หากเสมหะเป็นสีแดงปนแสดงว่าลามไปถึงเส้นเลือด บางรายลามไปถึงเยื่อหุ้มปอดจนเกิดหนอง หรือน้ำท่วมปอด…ทำให้เจ็บเวลาหายใจ หายใจลำบาก…ออกซิเจนไม่เพียงพอ อาจจะต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และยังลุกลามไปเข้าทางกระแสเลือดได้อีก ทำให้เกิดอาการโลหิตเป็นพิษ ไข้ขึ้น หนาวสั่น ช็อก และถ้าลุกลามไปสมองก็จะเป็นเยื่อหุ้มอักเสบ หรือฝีในสมองได้ “เชื้อนิวโมคอคคัส” จัดว่าเป็นเชื้อแบคทีเรียที่อันตราย และผู้ที่ติดเชื้อแบคทีเรียนี้ ส่วนใหญ่จะเสียชีวิต
ปัจจุบันการรักษาส่วนใหญ่แพทย์จะใช้ยาปฏิชีวนะในการฆ่าเชื้อ ปัญหามีว่าเชื้อนิวโมคอคคัสเริ่มดื้อยา ทำให้ยาปฏิชีวนะหลายชนิด ทำการรักษาไม่ได้ผลเท่าที่ควร ทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากที่ป่วยเป็นโรคนี้ อาจจะป่วยนานขึ้น ในบางราย อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจนเสียชีวิต ฉะนั้นวิธีที่ดีที่สุด คือ การป้องกัน เบื้องต้นทำได้ง่ายๆโดยการเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมแม่, ดูแลเรื่องสุขอนามัย ปิดปาก จมูกทุกครั้งที่ไอหรือจาม ล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วยที่มีอาการ ไอ จาม หรือเป็นโรคปอดบวม และปรึกษากุมารแพทย์เรื่องการเสริมภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกัน
ปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งของการป้องกัน โรคไอพีดี ปอดบวม และหูชั้นกลางอักเสบ คือการเข้าถึงยาและวัคซีน ปัญหานี้มักเกิดขึ้นกับประเทศที่กำลังพัฒนา รวมถึงไทยราคายา วัคซีนแพงเกินกำลังซื้อ, ปัญหายากำพร้าหรือวัคซีนกำพร้าซึ่งเป็นยา วัคซีนจำเป็นแต่ไม่มีผู้ผลิต นำเข้ามาจำหน่าย หรือยังไม่สามารถกระจายได้ทั่วถึง
ปัญหาการใช้ยาวัคซีนอย่างไม่สมเหตุผลและไม่ปลอดภัย, ปัญหาคุณภาพยาวัคซีน ที่ยังมียาและวัคซีนด้อยคุณภาพ หรือปลอมอยู่ในตลาด ตรงกันข้ามกับประเทศที่พัฒนาแล้ว อย่างอเมริกาแคนาดา ผลิตวัคซีนป้องกันโรคไอพีดี ปอดบวม และหูชั้นกลางอักเสบได้เอง และยังจัดเป็นวัคซีนพื้นฐานที่เด็กต้องได้รับ
เหลียวมองประเทศไทยวัคซีนป้องกันโรคไอพีดี ปอดบวม และหูชั้นกลางอักเสบ วันนี้ยังจัดอยู่ในประเภทวัคซีนเสริม หรือวัคซีนทางเลือก เพราะราคาสูง แต่ในอนาคตด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีด้านการแพทย์ คาดหวังกันว่าน่าจะทำให้วัคซีนราคาถูกลงเช่นเดียวกับสถานการณ์วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีในอดีต ซึ่งปัจจุบันมีราคาอยู่ที่เข็มละ 30-40บาทเท่านั้น
ไล่เรียงเรื่องการป้องกันความเจ็บป่วยเรื่องสุขภาพไปแล้ว ทิ้งท้ายเลยไปถึงการรณรงค์ช่วงสงกรานต์วันหยุดยาวที่กำลังจะมาถึง ระหว่างวันที่ 13-17เมษายน 2554นี้
นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับบอกว่า เทศกาลสงกรานต์ถือเป็นปีใหม่ของพี่น้องชาวไทย ปีนี้มีวันหยุดติดต่อกันถึง 5วัน แต่คาดกันว่าจะเริ่มทยอยออกจากกรุงเทพฯตั้งแต่วันที่ 9 เมษายนเป็นต้นไป ประเด็นสำคัญที่มูลนิธิเมาไม่ขับเป็นห่วงทุกครั้ง ก็คืออุบัติเหตุที่เกิดขึ้น สถิติสงกรานต์ปีที่แล้วมีคนไทยเสียชีวิต 361คนบาดเจ็บ 3,802คน สาเหตุหลักมาจากเมาแล้วขับ ขับรถเร็ว ง่วงแล้วขับ ขับรถตัดหน้ากระชั้นชิด
คุณหมอแท้จริงย้ำว่า สงกรานต์ปีนี้ขอเชิญคนไทยทั้งประเทศมาร่วมกันหยุดความตายด้วยมือของคุณเอง โดยการส่งไปรษณียบัตรหยุดความตายไปยังคนที่คุณห่วงใย…ภายใต้สโลแกน “สงกรานต์ปลอดภัย ทำได้ด้วยตัวคุณ” ขอนะ…
“ที่ผ่านมา เราหวังพึ่งมาตรการบังคับใช้กฎหมายของตำรวจ และการรณรงค์ โดยมีความเชื่อว่าจะลดอุบัติเหตุได้ แต่ที่ผ่านมาทำให้รู้ว่ามาตรการทั้งหมดนี้ไม่เพียงพอแล้วเพราะอุบัติเหตุจราจร เป็นเรื่องที่คนไทยทุกคนต้องร่วมมือกัน…”
การที่เราทำดี เคารพกฎจราจร ลดพฤติกรรมเสี่ยงเพียงฝ่ายเดียวคงไม่พอ เพราะถ้าผู้อื่นยังเมาเร็วง่วงแล้วขับ คนดีๆก็อาจกลายเป็นศพต่อไปบนท้องถนนได้
ไปรษณียบัตรข้างต้น มูลนิธิเมาไม่ขับ ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคีเครือข่ายรณรงค์ลดอุบัติเหตุภาครัฐ ภาคเอกชนอัญเชิญพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันที่ 5ธันวาคม พ.ศ.2553ความว่า “ไม่ประมาทและมีสติอยู่เสมอ” พิมพ์ไว้ด้านหน้า ส่วนด้านหลังจะมีช่องทั้งหมด 6ช่อง เช่น เมาไม่ขับ ง่วงไม่ขับ โทร.ไม่ขับ ขับไม่ซิ่ง และช่องว่างอีก 2ช่อง…ผู้ส่งเลือกติ๊กส่งความห่วงใยไปยังคนที่รัก ญาติสนิท มิตรสหายได้…
ไปรษณียบัตรทำขึ้น 99,999 ใบ ผู้สนใจติดต่อขอรับได้ที่มูลนิธิเมาไม่ขับ หรือใครจะเลือกส่งไปรษณียบัตรออนไลน์ ห่วงใยผ่านเว็บไซต์ คลิกไปได้ที่ www.DDD.OR.TH
มูลนิธิเมาไม่ขับเชื่อว่า…ถ้าคิดว่า “อุบัติเหตุ” ไม่ใช่เรื่องของตน เราไม่เกี่ยว เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่เท่านั้น…ก็จะมีศพเกลื่อนถนน แต่ถ้าคนไทยทุกคนร่วมมือกัน จะหยุดการตายในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวได้แน่นอน
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ