"เดิน-ปั่นจักรยาน" สร้างเมืองสุขภาพดี
ที่มา : เว็บไซต์เดลินิวส์
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
สสส.และสถาบันการเดินและการจักรยานไทย จัดจัดการประชุมการส่งเสริมการเดินและการใช้จักรยานในชีวิตประจำวัน ครั้งที่ 5 ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 3 มี.ค.60 นี้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสถาบันการเดินและการจักรยานไทย ร่วมจัดการประชุมการส่งเสริมการเดินและการใช้จักรยานในชีวิตประจำวัน ครั้งที่ 5 (The 5th Thailand Bike and Walk Forum) “ชุมชนที่เป็นมิตรต่อการเดินและการใช้จักรยาน” (Walk and Bike Friendly Community) ที่อาคารเฉลิมราชกุมารี 60 พรรษา (จามจุรี 10) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีเปิด โดยสถาบันการเดินและการจักรยานไทย สสส. รวมทั้งหน่วยงานกว่า 15 องค์กรที่ช่วยกันขับเคลื่อนการเดินและการใช้จักรยานในชีวิตประจำวันจนได้รับการบรรจุในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 ได้จัดงานนี้ต่อเนื่องมาทุกปี
ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้อำนวยการสานักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. กล่าวว่า การขับเคลื่อนให้เรื่องเดินเท้าและจักรยานเข้าสู่แผนพัฒนาประเทศได้สำเร็จนั้น เป็นพลังความร่วมมือทั้ง สสส. และพลังของภาคีและภาคส่วนต่างๆ ที่ช่วยสนับสนุนทางานจริงจัง ทั้งในส่วนของพื้นที่ และระดับนโยบาย เพื่อเพิ่มกิจกรรมทางกาย การออกกำลังกาย และการเดินทางสอดรับกับแผนส่งเสริมกิจกรรมทางกายของ สสส. ที่มีเป้าหมายเพื่อลดพฤติกรรมเสี่ยงทางสุขภาพอย่างเป็นองค์รวม โดยเน้นส่งเสริมการจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุข-ภาวะที่ดี การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบบริการสาธารณะให้เอื้อต่อการเป็นเมืองสุขภาพดี และสนับสนุนให้บริษัท/องค์กรทุกภาคส่วนจัดพื้นที่และกิจกรรมส่งเสริมการออกกำลังกาย
“การประชุมครั้งนี้ มีการนำเสนอผลการศึกษาวิจัยจากนักวิชาการที่เกี่ยวกับเรื่องเดินและการใช้จักรยานที่น่าสนใจ เช่น แอปพลิเคชันกฎหมายจราจรทางบกส่งเสริมให้เกิดความปลอดภัย คนเดิน คนใช้จักรยาน ประเด็นคนพิการกับความพึงพอใจในความปลอดภัยในการใช้ทางเดินเท้า ประเด็นปัจจัยส่งเสริมให้เดิน ปั่นไปต่อรถไฟฟ้า กรณีศึกษา บางหว้า-ตลิ่งชัน ซึ่งจะเป็นการสร้างการรับรู้และเข้าใจและที่สำคัญเป็นการแสดงพลังที่จะร่วมขับเคลื่อนเรื่องเดิน และจักรยาน ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมตามแผนพัฒนาประเทศต่อไป” ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าว
ด้าน ศ.กิตติคุณ ดร.ธงชัย พรรณสวัสดิ์ ประธานกรรมการมูลนิธิสถาบันการเดินและการจักรยานไทย กล่าวว่า การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อสนับสนุนการเดินทางที่ไม่ใช้เครื่องยนต์ในเขตเมืองควรให้ความสำคัญกับการพัฒนา “ทางข้าม ทางเท้า และทางจักรยาน” ที่สามารถ “เชื่อมต่อการเดินทางกับระบบขนส่งสาธารณะ” ในเขตเมืองและการสร้างมาตรฐานและคุ้มครอง “ความปลอดภัยของผู้สัญจรทางเดินเท้า และผู้ใช้จักรยานในเขตเมือง” เพื่อเพิ่มสัดส่วนของการเดินทางที่ไม่ใช้เครื่องยนต์ในภาพรวม ทั้งนี้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในระยะต่อไป ต้องคำนึงถึงการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้บริการทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มคนพิการ และผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นบทบาทหน้าที่ของสถาบันการเดินและการจักรยานไทย และภาคส่วนต่างๆ ในการทำให้เป็นระบบต่อไป
ส่วน นายจำรูญ ตั้งไพศาลกิจ ผู้อำนวยการสถาบันการเดินและการจักรยานไทย กล่าวว่า เดิน จักรยาน คือ การคมนาคมที่สะดวกที่สุด ราคาถูกที่สุด เข้าถึงทุกพื้นที่ได้ดีที่สุด เพื่อตอบโจทย์ดังกล่าวให้เป็นรูปธรรม สถาบันฯ เตรียมยกระดับการเดินและการใช้จักรยาน เป็นโหมดของการเดินทางคมนาคมขนส่งของเมือง/ชุมชน ซึ่งจะสัมฤทธิ์ผลนั้น ต้องอาศัยภาคส่วนต่างๆ ในเมือง ชุมชนนั้นเป็นสำคัญ สถาบันฯ ยินดีและมีความพยายามอย่างยิ่งที่จะทำงานกับท้องถิ่น โดยการเชื่อมประสานกับสถาบันการศึกษาในภูมิภาคนั้นๆ ด้านวิชาการ เพราะผู้บริหารเมืองที่มีวิสัยทัศน์ ต้องการข้อมูลเชิงวิชาการ และการสนับสนุนอย่างถูกต้องจากภาคประชาสังคมที่จะเปลี่ยนเมือง เปลี่ยนชุนชน ให้สามารถเดินและใช้จักรยานได้
ทั้งนี้ตนทำเรื่องคมนาคมขนส่งมาโดยตลอด บางครั้งการทำงานจากระดับนโยบายความต้องการของภาครัฐเพียงฝ่ายเดียว ไม่ค่อยสำเร็จ แต่มุมกลับตอนนี้การทำงานของสถาบันฯ คือการทำงานเชิงบูรณาการงานเข้าด้วยกัน ซึ่งยาก แต่ท้าท้าย ผลที่เกิดขึ้นจะเกิดกับเมืองและชุมชนนั้น และจากงานวิจัยของ สนข. ชี้ชัดว่า หากมีการส่งเสริมการเดินทางที่ไม่ใช้เครื่องยนต์ร่วมกับการปรับปรุงการเชื่อมต่อการเดินทางระบบขนส่งสาธารณะเพื่อการขนส่งอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พบว่าจะช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (CO2) 8.0 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (Mt CO2e) หรือ 3,900 ktoe หรือสามารถลดปริมาณการใช้น้ามันเชื้อเพลิงเบนซินได้ประมาณ 2,900 ล้านลิตร และสามารถประหยัดงบประมาณได้ถึง 86,500 ล้านบาทต่อปี