เครื่องสำอางป้องกันแดดต้องบอกระดับป้องกันรังสียูวี
อย.ออกประกาศให้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีสารป้องกันแสงแดด ต้องระบุระดับ หรือค่าตัวเลข spf, pfa หรือ pa ให้ถูกต้องตามคุณสมบัติการทดสอบ ชี้ค่าการป้องกันรังสียูวีต่ำกว่า 6 ไม่ให้แสดงข้อความใดๆ ที่อ้างว่าเกี่ยวกับการป้องกันแสงแดด ให้มีผลบังคับใช้ 19 ก.ย. 56 นี้
นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เคยสำรวจค่า spf : เอสพีเอฟ ของผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดที่ขายอยู่ในท้องตลาด เมื่อปี พ.ศ. 2549-2550 พบการแสดงค่า spf หรือค่าความสามารถในการป้องกันรังสียูวีที่ไม่ถูกต้องตามที่ระบุบนฉลาก และไม่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์สากลเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้บริโภคเกิดการเข้าใจผิด และเลือกใช้ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์
ดังนั้น อย.จึงออกประกาศคณะกรรมการเครื่องสำอาง เรื่อง “การแสดงค่าความสามารถในการป้องกันแสงแดดของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีสารป้องกันแสงแดด” โดยกำหนดการแสดงค่าความสามารถในการป้องกันแสงแดดของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เพื่อให้เกิดความเหมาะสมในการกล่าวอ้างค่า spf คือ ค่าที่แสดงถึงความสามารถของผลิตภัณฑ์ในการป้องกันการไหม้แดงของผิวหนังที่เกิดจากการสัมผัสรังสียูวี, ค่า pfa (พีเอฟเอ) คือ ค่าที่แสดงถึงความสามารถของผลิตภัณฑ์ในการป้องกันการดำคล้ำของผิวหนังที่เกิดจากการสัมผัสรังสียูวีเอ และ ค่า pa (พีเอ) คือ ค่าที่สมาคมอุตสาหกรรมเครื่องสำอางแห่งประเทศญี่ปุ่นได้กำหนดขึ้นแทนการใช้ค่า pfa
โดยฉลากเครื่องสำอางประเภทผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดจะต้องแสดงระดับ หรือค่าความสามารถในการป้องกันรังสียูวี (spf) หรือรังสียูวีเอ (pfa หรือ pa) ดังนี้
1. การแสดงค่า spf ที่มีค่าการป้องกันรังสียูวีอยู่ระหว่าง 6-50 ให้แสดงระดับ หรือค่า spf ตามจริง กรณีที่ผลิตภัณฑ์มีค่าความสามารถในการป้องกันรังสียูวี เป็นตัวเลขที่มีค่ามากกว่า 50 ให้แสดง “spf 50+” ในกรณีที่ไม่มีผลการทดสอบหรือมีผลการทดสอบได้ค่าการป้องกันรังสียูวีต่ำกว่า 6 ไม่ให้แสดงข้อความใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับค่าความสามารถในการป้องกันแสงแดด
2. การแสดงค่า pfa หรือ pa ที่แสดงถึงการป้องกันรังสียูวีเอ โดยให้แสดงระดับสัญลักษณ์ หรือค่าความสามารถอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ค่า pa+, pa++, pa+++ และ pa++++ หมายถึงประสิทธิภาพระดับต่ำ กลาง สูง และสูงมาก ถ้ามีการแสดงค่าความสามารถในการกันน้ำต้องผ่านการทดสอบโดยวิธีตามมาตรฐานสากล และแสดงระดับของประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีสารป้องกันแสงแดดที่ผ่านการทดสอบกันน้ำรวมทั้งสิ้นเป็นเวลา 40 นาที ให้แสดงค่าว่า water resistance หรือ water resistance (40) ถ้ากันน้ำรวมเป็นเวลา 80 นาที ให้แสดงค่าว่า very water resistance หรือ very water resistance (80)
รองเลขาธิการ กล่าวต่อไปว่า ประกาศดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2556 เป็นต้นไป จึงขอให้ผู้ผลิตเพื่อขายหรือนำเข้าเพื่อขายที่ได้รับใบรับแจ้งเครื่องสำอางควบคุมอยู่ก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับต้องดำเนินการให้เป็นไปตามประกาศนี้ภายใน 180 วัน นับแต่วันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ในส่วนของผู้บริโภค ขอให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีสารป้องกันแสงแดดให้เหมาะสมตรงตามความต้องการ อย่างไรก็ตาม การใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีสารป้องกันแสงแดดเป็นเพียงวิธีหนึ่ง ที่จะช่วยลดความเสี่ยงจากอันตรายที่เกิดจากแสงแดด
ดังนั้น ผู้บริโภคควรอ่านวิธีใช้ให้ละเอียดและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด รวมทั้งหากใช้แล้วมีความผิดปกติใดๆ เกิดขึ้น ต้องหยุดใช้และปรึกษาแพทย์ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับประกาศเครื่องสำอางที่มีสารป้องกันแสงแดด สามารถติดต่อสอบถามได้ที่กลุ่มควบคุมเครื่องสำอาง อย.โทรศัพท์ 0 2590 7275 ในวันและเวลาราชการ
ที่มา : เว็บไซต์ astv ผู้จัดการออนไลน์