ที่มา : เดลินิวส์

ภาพโดย สสส.

"ประชากรกลุ่มเฉพาะมักถูกมองว่าเป็นกลุ่มที่รอความช่วยเหลือจากผู้อื่น แต่ในความเป็นจริงพวกเขามีศักยภาพในหลาย ๆ ด้าน" ภรณี ภู่ประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวในการร่วมทำกิจกรรม "เข้าครัวด้วยกันจูเนียร์" ที่จัดโดย สสส. ร่วมกับ บริษัท กล่องดินสอ จำกัด

กิจกรรม "เข้าครัวด้วยกันจูเนียร์" เป็นกิจกรรมภายใต้แคมเปญ "ด้วยกัน" ซึ่ง สสส. โดยแผนสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ ได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนโครงการ "ด้วยกัน" ซึ่งมีเป้าหมายในการร่วมสร้างสรรค์กิจกรรมทางสังคม ที่เป็นการส่งเสริมสุขภาวะที่ให้คนพิการและคนไม่พิการสามารถทำกิจกรรมร่วมกันได้ ผ่านการพัฒนาสุขภาวะในมิติทางกาย ที่ผ่านมามีกิจกรรมที่เกิดขึ้นหลากหลาย เช่น วิ่งด้วยกัน, ปั่นด้วยกัน, และเต้นด้วยกัน

ผอ.สำนักสนับ สนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ กล่าวต่อว่า สำหรับกิจกรรมครั้งนี้ เป็นการชวนเด็ก ๆ อายุระหว่าง 8-12 ปี ทั้งเด็กทั่วไป เด็กพิการ และผู้ปกครองมาร่วมกัน Workshop ทำเมนูข้าวผัด 5 สี และขนมลูกชุบ ที่ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. โดยมีครูผู้สอนเป็นผู้พิการทางสายตา เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ทักษะการทำอาหารและได้เห็นศักยภาพของคนตาบอด ขณะเดียวกันคนตาบอดก็ได้ใช้ศักยภาพของตนเองในการสอนผู้อื่น และเกิดความภาคภูมิใจในตนเอง

"เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้การทำอาหารและขนมง่าย ๆ จากหม้อหุงข้าว และยังได้ให้ประชากรกลุ่มเฉพาะแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่ โดยในกิจกรรมครั้งนี้ยังได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของคนตาบอดผ่านการเป็นครูผู้สอนในการเข้าครัว ที่สามารถจับมีดหั่นผักได้อย่างคล่องแคล่วการใช้มือสัมผัสที่ละเอียดกว่าการมองเห็นด้วยตา การปรุงอาหารและชิมด้วยตนเอง และยังสามารถถ่ายทอดความรู้ให้กับเด็ก ๆ ที่มาเข้าร่วมกิจกรรมให้เข้าใจได้ง่าย ที่ในช่วงปิดเทอมที่ทุกครอบครัวหากิจกรรมให้ลูกหลานได้เข้าร่วม การสร้างสรรค์กิจกรรมที่เสริมทักษะชีวิตให้กับเด็กจึงเป็นโอกาสให้พวกเขาเรียนรู้ความสามารถของตนเองและผู้อื่น ซึ่งการใช้เวลาในช่วงปิดเทอมให้เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะในกิจกรรมครั้งนี้จะทำให้เด็กเติบโตขึ้นมาอย่างมีจิตใจที่อ่อนโยน และเข้าใจผู้อื่นในมุมที่แตกต่างทางกายภาพ" ภรณี กล่าว

ในบทบาทหน้าที่ของการเป็นคุณแม่ลูกสอง ภรณี ได้อธิบายเสริมว่า การเสริมทักษะทางวิชาการอย่างเดียวให้กับลูกไม่สามารถตอบโจทย์เรื่องการดำเนินชีวิตในปัจจุบันได้ จึงต้องหากิจกรรมที่เรียกว่าดีเพิ่มเข้าไปด้วย ในช่วงปิดเทอมบางครอบครัวที่มีกำลังทรัพย์มากพอจะส่งลูกไปเรียนตามคอร์สต่าง ๆ แต่สำหรับคนทั่วไปหากมีกิจกรรมเสริมทักษะชีวิต หรือกิจกรรมที่ช่วยลดช่องว่างระหว่างวัย ในฐานะคุณแม่ก็พร้อมที่จะสนับสนุนให้ลูกเข้าร่วมเพื่อเรียนรู้และพัฒนาทักษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพัฒนาด้านจิตใจ ความอ่อนโยน และความละเมียดในการใช้ชีวิต

ด้าน น้องอบอุ่น ด.ช.นภนต์พัฒน์ ภู่ประเสริฐ และน้องอิ่มเอม ด.ญ.นภัส ภู่ประเสริฐ เล่าประสบการณ์มาเข้าครัวครั้งนี้ว่า ทั้งคู่ได้เคยทำกับข้าวบ้าง เช่น ไข่เจียว ไข่ดาว แต่พอได้มาทำจริง ๆ ตั้งแต่หั่นผัก ไปจนถึงผัดข้าวผัดด้วยหม้อหุงข้าวโดยมีครูสอนอย่างใกล้ชิดก็รู้สึกสนุกและชอบ พอทำเป็นก็จะกลับไปลองทำที่บ้านดู แม้จะจำขั้นตอนทั้งหมดไม่ได้ แต่ก็อยากจะลองทำ เพราะการทำข้าวผัดในวันนี้ก็ทำให้รู้แล้วว่าเราทำอร่อย

กิจกรรมเข้าครัวด้วยกันจูเนียร์ในครั้งนี้ ถือเป็นกิจกรรมที่จัดเพียงหนึ่งแต่ได้ถึงสอง คือ การได้เสริมสร้างทักษะการใช้ชีวิตให้กับเด็ก และการเปิดพื้นที่ให้ประชากรกลุ่มเฉพาะได้แสดงศักยภาพของตนเองอีกด้วย ทั้งนี้สำหรับผู้ปกครองที่ต้องการหากิจกรรมในช่วงวันว่างให้กับลูกหลานสามารถเข้าไปดูข้อมูลรายละเอียดได้ที่ www.ปิดเทอมสร้างสรรค์.com