อุบลฯ เอดส์เพิ่มปีละ 2 หมื่นชายรักชายมากที่สุด

รองมา วัยรุ่น กลุ่มแม่บ้าน และหญิงขายบริการ วอนรีบป้องกัน

 

อุบลฯ เอดส์เพิ่มปีละ 2 หมื่นชายรักชายมากที่สุด 

          ผอ.ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ เผยจ.อุบล มีผู้ป่วยเอดส์เพิ่มเฉลี่ยปีละ 2 หมื่นคน ชายรักชายมากสุด รองลงมา วัยรุ่น กลุ่มแม่บ้าน และหญิงขายบริการ แต่เข้ารักษาเพียง 2แสน จาก 6แสนคน วอนรีบป้องกัน

 

          เมื่อ วันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา ศ.นพ.ประพันธ์ ภานุภาค ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย กล่าวในพิธีเปิดโครงการอบรมพยาบาลต่อเนื่อง ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี โดยมีพยาบาลที่ปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง จำนวน 100 คน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการคลีนิกผู้ติดเชื้อเอชไอวี เนื่องจากพยาบาลเป็นบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้ช่วยแพทย์ ตลอดจนให้การดูแลผู้ป่วยอันจะนำไปสู่การรักษาที่ดีขึ้น ลดโอกาสเกิดการดื้อยา ส่งผลให้ผู้ป่วยมีสุขภาพชีวิตที่ดีขึ้น

 

          โดยการฝึกอบรมดังกล่าว เป็นกิจกรรมต่อเนื่องจากโครงการจีพีโอ แคร์ เอดส์ (gpo care aids) ที่ได้มุ่งเน้นด้านการวิจัยยาด้านไวรัสเอดส์ และการเผยแพร่ความรู้และการทำโครงการเพื่อผู้ติดเชื้อเอดส์ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และอยู่ร่วมกับสังคมอย่างปกติสุข

 

          จากสถิติของกรมควบคุมโรคพบว่า ผู้ป่วยจากโรคเอดส์เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 20,000 คน ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยรุ่นที่มีเพศสัมพันธ์ และไม่มีการป้องกัน โดยคนไทยมีโอกาสเสี่ยงจากโรคเอดส์ทุกกลุ่มอายุ แต่อย่างไรก็ตาม พบว่าผู้ป่วยโรคเอดส์ที่พบมากที่สุดอันดับ 1 คือชายรักชาย โดยเฉพาะชายที่เป็นวัยรุ่น รองลงมาคือ กลุ่มวัยรุ่นทั่วไป กลุ่มแม่บ้าน และกลุ่มหญิงบริการศ.นพ.ประพันธ์ กล่าว

 

          ด้านเภสัชกรวันชัย ศุภจัตุรัส รองผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า องค์การเภสัชกรรมได้ดำเนินการผลิตยาต้านไวรัสเอดส์ขึ้นใช้เองตามนโยบายซีแอลของยาต้นแบบ จนสามารถประหยัดงบประมาณของประเทศชาติได้เป็นจำนวนมาก โดยจากเดิมต้องนำเข้ายาจากต่างประเทศ ทำให้ผู้ป่วยมีค่าใช้จ่ายในการรักษาเป็นเงิน 20,000 บาท/คน/เดือน เหลือเพียง 1,200 บาท/คน/เดือน และจากการทดลองรักษากับผู้ป่วยที่ผ่านมา พบว่า เป็นตัวยาที่มีคุณภาพเทียบเท่ายาต้นแบบ ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยโรคเอดส์มีโอกาสรักษาได้ในราคาถูกลงอีก

 

          อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าเป็นห่วง จากสถิติพบว่ามีผู้ป่วยโรคเอดส์ในประเทศไทย ประมาณกว่า 600,000 คน แต่ขณะนี้ มีผู้มาลงทะเบียนรักษาเพียง 200,000 คนเท่านั้น ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 400,000 คน ยังเป็นปัญหาในการป้องกันและควบคุมการแพร่เชื้อ จึงขอให้ผู้ป่วยเอดส์ได้ลงทะเบียนไว้และเข้าทำการรักษา เนื่องจากโรคเอดส์เป็นโรคที่สามารถรักษาได้เภสัชกรวันชัย กล่าว

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

 

 

 

update:16-09-51

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code