อาการปวดหัวของเด็ก ที่ไม่ใช่เรื่องเด็ก ๆ
ที่มา : talkaboutsex.thaihealth เรื่องโดย รศ.นพ.ชิษณุ พันธุ์เจริญ ฝ่ายกุมารเวชศาสตร์ รพ.จุฬาลงกรณ์
"ปวดหัว" พบได้บ่อยในเด็กวัยเรียน แต่ส่วนใหญ่มักหายได้เอง หรืออาการดีขึ้นหลังกินยาแก้ปวดและได้นอนพัก
อาการปวดมักหายไปเมื่อเด็กหลับ และโดยทั่วไปอาการมักจะไม่รุนแรงเพิ่มขึ้น สำหรับอาการปวดหัวชนิดรุนแรง มักมีอาการปวดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และปวดได้เกือบตลอดเวลาแม้แต่ในเวลากลางคืนที่เด็กหลับ เมื่อใช้ยาแก้ปวด อาการไม่ดีขึ้น อาจพบอาการทางสมองร่วมด้วย เช่น ตาเข แขนขาอ่อนแรง อาเจียนพุ่ง ซึม
สาเหตุอาการปวดหัวในเด็ก มีทั้งชนิดเฉียบพลัน ในเด็กส่วนใหญ่มีสาเหตุจากไข้ ความเครียด อุบัติเหตุ และการกระทบกระเทือนทางสมอง และโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ อาการปวดหัวเรื้อรังในเด็กส่วนใหญ่มีสาเหตุจากความผิดปกติของอวัยวะบนใบหน้า เช่น หูชั้นกลางหรือไซนัสอักเสบ ฟันผุ สายตาผิดปกติ ส่วนน้อยอาจเกิดจากกลุ่มอาการไมเกรน ภาวะเลือดออกในสมองหรือเนื้องอกในสมอง อาการปวดหัวจากการกระทบกระเทือนทางสมอง หากไม่รุนแรงถึงขั้นหมดสติ มักหายเองภายใน 2-3 วัน
โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบอาจเกิดจากเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย เด็กจะมีอาการไข้ ปวดหัวเฉียบพลัน คอแข็ง และอาจพบอาการชักได้ จัดเป็นภาวะเร่งด่วนทางการแพทย์ เด็กที่มีเนื้องอกในสมองจะมีอาการปวดหัวเรื้อรังและอาการจะรุนแรงเพิ่มขึ้น อาจพบมีอาเจียนพุ่งและมีอาการทางสมอง
การรักษาเบื้องต้น กรณีอาการปวดหัวไม่รุนแรงและเด็กสามารถทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ อาจใช้วิธีเฝ้าติดตามอาการ และหาสาเหตุเบื้องต้นก่อน เมื่อเด็กมีอาการปวด ไม่ว่าจะมีไข้หรือไม่ก็ตาม ควรให้นอนพักและให้ยาพาราเซตามอล กรณีที่เด็กได้รับความกระทบกระเทือนทางสมองควรเฝ้าติดตามอาการทางสมองโดยเฉพาะอาการปวดหัวรุนแรง อาเจียนพุ่ง และซึมลง ซึ่งบ่งชี้ว่าอาจมีเลือดออกในสมอง แต่ไม่ควรนำเด็กไปตรวจเอกซเรย์กะโหลกศีรษะหรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ทางสมองทันทีหลังเกิดเหตุเพราะไม่มีประโยชน์ ยกเว้นกรณีผู้ป่วยเริ่มมีอาการเปลี่ยนแปลงในสมอง ควรปรึกษาแพทย์ หากมีอาการปวดหัวเรื้อรัง เช่น พบทันตแพทย์เพื่อตรวจฟัน พบจักษุแพทย์เพื่อตรวจวัดสายตาและความผิดปกติของกล้ามเนื้อตา
ทั้งนี้ ควรดูแลสุขภาพเด็ก โดยเฉพาะสุขภาพฟันและสายตา พร้อมกับการดูแลสุขภาพจิต โดยหลีกเลี่ยงภาวะเครียด หลีกเลี่ยงอุบัติเหตุที่กระทบกระเทือนต่อสมอง และฉีดวัคซีนเจอี และวัคซีนนิวโมคอคคัส