อัมพวาโมเดลพลิกโฉมโรงพัก เปิดพื้นที่สร้างสรรค์ปั้นวัยรุ่นเชิงบวก

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า


อัมพวาโมเดลพลิกโฉมโรงพัก เปิดพื้นที่สร้างสรรค์ปั้นวัยรุ่นเชิงบวก thaihealth


แฟ้มภาพ


สถานีตำรวจภูธรอัมพวา ร่วมกับภาคีเครือข่าย เปิดพื้นที่ให้เด็กและเยาวชนได้แสดงออกกันอย่างสร้างสรรค์ ฝึกฝนศิลปวัฒนธรรมได้ตามความสนใจ ซึ่งมีทั้ง โขน รำไทย กิจกรรมจิตอาสา ช่วยส่งเสริมและพัฒนาทักษะชีวิตเด็กและเยาวชน


ขึ้นชื่อว่าโรงพัก ไม่มีความจำเป็นจริงๆ คงไม่มีใครอยากจะไปเยือนเท่าไหร่นัก เนื่องจากความจำเป็นที่ว่านั้น ส่วนใหญ่มักเป็น "เรื่องร้ายๆ" เสียมากกว่า


แต่ทว่าล่าสุด "เครือข่ายอัมพวาโมเดล" นำโดย พ.ต.อ.เผด็จ ภู่บุบผากาณจน ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอัมพวา ร่วมกับมูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต ชมรมศิลปะและวัฒนธรรมอัมพวา  เทศบาลตำบลอัมพวา สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดการแปลงโฉมหน้าพื้นที่ "สถานีตำรวจภูธรอัมพวา" ให้เป็นพื้นที่ดีๆ ที่ใครก็อยากมา ในโครงการ "อัมพวามีดี  พื้นที่สร้างสรรค์เพื่อเด็กและเยาวชน"


พ.ต.อ.เผด็จ เล่าให้ฟังว่า การแปลงโฉมครั้งนี้ เราจะใช้พื้นที่หน้าสถานีตำรวจภูธรอัมพวา เป็นเวทีแสดงศิลปะและวัฒนธรรมของเด็กและเยาวชน ในช่วงเย็นถึงค่ำของวันเสาร์และอาทิตย์  โดยภายในงานมีการแสดงต่างๆ เช่น วีลแชร์แดนซ์ จากศูนย์การศึกษาพิเศษอัมพวา นาฏมวยไทย หุ่นกระบอก คละเคล้าการแสดงดนตรีตำรวจ และการถ่ายทอดประสบการณ์ของเด็กและเยาวชนที่ก้าวพลาด แต่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้  พร้อมกันนี้ภายในงานยังมีการแจกจ่ายยาสมุนไพรเคอร่า ของบริษัทเวชกรรมโอสถ ให้กับบรรดาพ่อค้าแม่ค้าในพื้นที่อีกด้วย


ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอัมพวา กล่าวว่า กิจกรรมที่เราจัดขึ้นนั้น จะพาทุกคนให้รู้สึกเหมือนได้ย้อนไปวัยเด็ก ที่มีความสุขกับการเข้าร่วมกิจกรรม วันเด็กแห่งชาติ แต่ที่นี่เราไม่ต้องรอจนถึงวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคม แต่ทุกวันเสาร์ แถมด้วยวันอาทิตย์ เปิดเวทีให้เด็กๆ ลูกๆ หลานๆ ของเราได้ทำกิจกรรมสร้างสรรค์ ฝึกฝนศิลปวัฒนธรรมได้ตามความสนใจ ซึ่งมีทั้ง โขน รำไทย กิจกรรมจิตอาสา กิจกรรมต่างๆ เหล่านี้ ล้วนแต่ช่วยเสริมทักษะการเข้าสังคมที่ดี


ส่วนเรื่องการระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 นั้น ทางเครือข่ายอัมพวาโมเดล ให้ความสำคัญอย่างมาก จึงมีการเตรียมพื้นที่ให้มีความเหมาะสม มีมาตรการควบคุมป้องกันโรคตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข และเมื่อผู้เข้าร่วมงานทุกคนร่วมมือกันในการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมป้องกันโรคสูงสุด ด้วยการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง และล้างมือบ่อยๆ ทั้งเครือข่ายที่เราเตรียมความพร้อมไว้ และความร่วมมือจากประชาชนที่มาเยี่ยมชมกิจกรรม เชื่อว่าทุกคนจะมีความสุขกับกิจกรรมอย่างปลอดภัย


"เด็กและเยาวชนเป็นช่วงวัยที่มีพลัง มีแรงขับในตัวเองซึ่งสามารถแสดงออกได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งในทางบวกและทางลบ หน้าที่สำคัญข้อหนึ่งของผู้ใหญ่คือการเปิดพื้นที่สร้างสรรค์ พื้นที่ในการแสดงออกให้ลูกหลานได้แสดงศักยภาพในทางสร้างสรรค์ในทางบวกจะเป็นเกราะป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนทั้งความรุนแรงในครอบครัว อุบัติเหตุ แข่งรถซิ่ง ยาเสพติด ท้องก่อนวัยอันควร การทะเลาะวิวาท ติดเหล้า-พนัน-ยาเสพติด


กิจกรรมที่เราจัดขึ้นถือเป็นอีกจิ๊กซอว์หนึ่งที่สำคัญในการทำงานเชิงป้องกัน และรวมถึงการแก้ไขในกรณีที่เด็กและเยาวชนเคยก้าวพลาด จะได้เปลี่ยนพลังทางลบ เป็นพลังที่สร้างสรรค์ เป็นพลังทางบวก สร้างแรงบันดาลใจให้ปรับเปลี่ยนตัวเอง แต่เพื่อให้เกิดการป้องกันแก้ไขอย่างยั่งยืนก็ขอให้ถือเป็นธุระของทุกคนในการร่วมกันป้องกันและแก้ไขอย่างจริงจัง" ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอัมพวา กล่าว


ทั้งนี้ ด้วยบรรยากาศ และอากาศที่เริ่มเย็นลงทำให้เหมาะแก่การท่องเที่ยว อีกทั้งเมื่อรัฐบาลเปิดให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้นแล้วนั้น เชื่อว่ากิจกรรมอัมพวามีดี  พื้นที่สร้างสรรค์เพื่อเด็กและเยาวชน จะเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมดีๆ ที่สามารถดึงดูดให้คนอยากมาผ่อนคลายไปกับศิลปะ แถมได้รับความรู้ที่เราตั้งใจนำมาฝากด้วย และเพื่อเป็นการโหมโรงก่อนไปเยี่ยมชมกิจกรรม เรามาฟัง 2 เยาวชนที่เคยก้าวพลาด บอกเล่าประสบการณ์ให้ฟังกันก่อน


เริ่มที่ นายมณฑล พวงเงิน อดีตเยาวชนที่ติดบุหรี่จนต้องเป็นมะเร็งในช่วงวัยรุ่น เล่าว่า ตัวเองเริ่มสูบบุหรี่มาตั้งแต่ช่วงมัธยม ด้วยเห็นว่าพระเอกในหนัง สูบแล้วดูเท่ดีจุดเริ่มต้นมาจากตรงนั้น และสูบเรื่อยมาจนถึงเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ที่ต้องออกมาอยู่หอไกลหูไกลตาพ่อ แม่ ยิ่งสูบได้อย่างเสรีมากขึ้น สูบหนักมากจนกระทั่งเริ่มมีอาการบวมที่ลำคอ แต่ยังไม่คิดอะไรมากและไม่เคยคิดว่าจะเกี่ยวอะไรกับบุหรี่ เพราะคิดว่าคนจะเป็นโรคจากบุหรี่มักจะเป็นคนที่อายุเยอะ คงไม่เกิดขึ้นกับวัยรุ่นอย่างเรา


"แต่สุดท้ายอาการมันเริ่มมากขึ้น เจ็บคอหนักขึ้น จนต้องไปหาหมอ จึงรู้ว่าเป็นมะเร็งที่คอ ต้องผ่าตัดเจาะคอ และรักษาตัวอยู่นานนับปี ทุกวันนี้ก็ยังต้องกินยาตลอด หมดค่ารักษาไปนับล้านบาท แต่กระนั้นก็ไม่สามารถหายเป็นปกติได้ ไม่สามารพกลับมาพูดได้แบบคนปกติ การขยับตัวลำบาก ต้องฝึกพูดใหม่และทำกายภาพ ทำงานหนักมากๆไม่ได้ และยิ่งช่วงโควิดยิ่งต้องระวังมาก เพราะปอดเราไม่ดีอยู่แล้ว" นายมณฑล กล่าว


ขณะที่นายชนายุทธ เลาะและ อีกหนึ่งเยาวชนก้าวพลาด จากศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน(ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก เล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่ยังเล็กๆ ตนก็ไม่ได้ อยู่กับพ่อแม่ อาศัยอยู่กับญาติ ช่วงมัธยมต้นต้องลาออก จากโรงเรียนเพราะติดเที่ยว จับกลุ่มกับเพื่อน แข่งรถประลองความเร็ว แต่ในวันที่ต้องขับรถไปรับแฟนแล้วรถเกิดเสียหลักชนเสาไฟ ได้รับบาดเจ็บรุนแรง ต้องนอนเป็นเจ้าชายนิทรานานกว่า 8 เดือน ใครที่เห็นต่างก็คิดว่า "ไม่รอด"แต่แฟนก็ยังดูแลตนตลอดจนสามารถฟื้นคืนกลับมาแบบปาฏิหาริย์ แต่สภาพร่างกายซูบผอม เรียกว่าเหลือแต่กระดูกก็ว่าได้


ชนายุทธ เล่าต่อไปว่า ในเวลาต่อมาร่างกายของตนค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมาได้ แต่พอฟื้นตัวกลับมาแล้วยังคิดไม่ได้ หลงกลับเข้าไปอยู่ในวังวนเดิมๆ มีเรื่องยาเสพติด และถูกจับกุมก่อนถูกมาอยู่ที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน(ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก และได้เรียนรู้หลายต่อหลายเรื่องในนั้น ได้เข้าใจชีวิตและเห็นคุณค่าในตัวเอง ได้ฝึกฝนการมองสังคมเชื่อมโยงตัวเองกับคนอื่น เคารพกติกาสังคม ก็นับว่ายัง โชคดีที่ได้เรียนรู้จากตรงนี้จนสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ จึงอยากนำประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟัง


"และวันนี้ก็ขอแสดงความยินดีกับเด็กอัมพวา ที่โรงพักที่นี่เปิดพื้นที่ให้ได้แสดงออกกันอย่างสร้างสรรค์ เพราะผมเชื่อว่าการห้าม การไล่จับอย่างเดียวแก้ปัญหาเยาวชนไม่ได้  พื้นที่แบบนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญ" ชนายุทธ กล่าวทิ้งท้าย ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมดีๆ ที่จะช่วยส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนได้เติบโตขึ้นเป็นคนดีในสังคมต่อไป

Shares:
QR Code :
QR Code