ออกมาตรการเข้มรับมือเชื้ออีโบลา
ที่ประชุมกระทรวงสาธารณสุข เห็นชอบ 4 มาตรการรับมือโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา ทุ่มงบกว่า 3,000 ล้านบาท ป้องกันแก้ปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ ด้าน สธ.จ่อลงพื้นที่สุวรรณภูมิ เพื่อตรวจเข้มการป้องกัน หลังพบหนุ่มพม่าแวะเปลี่ยนเครื่องเข้าข่ายต้องสงสัยติดเชื้ออีโบลา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อม ป้องกัน และแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2557 ร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกรมควบคุมโรค กรมปศุสัตว์ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช หลังได้รับมอบหมายจากพลเรือเอกณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือที่ปรึกษาด้านสังคมจิตวิทยา คณะรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ให้เป็นประธานการประชุม
โดยนายแพทย์ณรงค์ ระบุว่า เนื่องจากปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ มีผลกระทบต่อประเทศในหลายด้าน คณะกรรมการจึงจะพิจารณาปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่อย่างรอบด้าน นอกเหนือจากมิติด้านการแพทย์และสาธารณสุข ให้ครอบคลุมไปถึงด้านเศรษฐกิจและสังคมด้วย โดยในวันนี้มีเรื่องพิจารณาที่สำคัญ 2 เรื่องคือ การเตรียมพร้อมของประเทศไทย สำหรับกรณีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา และการเตรียมพร้อมสำหรับโรคติดเชื้อโคโรน่าไวรัส สายพันธุ์ใหม่ 2012
สำหรับโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา คณะกรรมการได้เห็นชอบกรอบมาตรการเตรียมความพร้อม 4 ด้านคือ 1. การจัดระบบเฝ้าระวังโรคทั้งในคนและในสัตว์ 2. การดูแลรักษาผู้ป่วยและป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล มีการเตรียมห้อง แยกผู้ป่วย การดูแลรักษาผู้ป่วยตามแนวทางมาตรฐาน รวมถึงการควบคุมการติดเชื้ออย่างเคร่งครัด 3. การพัฒนาระบบการตรวจชันสูตรทางห้องปฏิบัติการ โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ รับผิดชอบร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ รวมทั้งมหาวิทยาลัย ร่วมมือเป็นเครือข่ายห้องปฏิบัติการของประเทศ และ 4. การบริหารจัดการแบบบูรณาการหลายภาคส่วน โดยมีศูนย์ประสานปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน ซึ่งบูรณาการการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสามารถประสานสั่งการ เชื่อมโยงการทำงานทั้งประเทศ กรณีพบผู้ป่วยอีโบลา
ส่วนแนวทางปฏิบัติในการเฝ้าระวังโรค การดูแลรักษาผู้ป่วย และการควบคุมโรค ได้จัดเตรียมสำหรับหลายสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ ทั้งกรณีที่ยังไม่พบผู้ป่วยในประเทศ จนถึงกรณีที่พบผู้ป่วยในประเทศ โดยเฉพาะในกรณีที่พบผู้ป่วยในประเทศ จะต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว ด้วยความร่วมมือจากหน่วยงานฝ่ายต่างๆ รวมทั้งฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายปกครอง จึงมอบหมายให้ตั้งคณะทำงานจัดทำแนวทางปฏิบัติอย่างละเอียด โดยมีผู้แทนจากหลายฝ่าย รวมทั้งให้มีการซ้อมแผนการเตรียมความพร้อมในทุกจังหวัด
"ที่สำคัญอีกเรื่อง คือการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ให้ตั้งคณะทำงานจัดทำแนวทางปฏิบัติด้านการชันสูตรทางห้องปฏิบัติการ โดยมีศาสตราจารย์ นายแพทย์ประเสริฐ ทองเจริญ เป็นประธาน และมีผู้แทนจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัย และเครือข่ายห้องปฏิบัติการ นอกจากนี้ในเรื่องการสื่อสารความเสี่ยง ให้ตั้งคณะทำงานเพื่อจัดทำแผนและประสานการดำเนินงาน โดยให้อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เป็นประธาน ส่วนด้านการบริหารจัดการแบบบูรณาการ เพื่อควบคุมสถานการณ์กรณีเกิดการแพร่โรคในประเทศ ซึ่งอาจเป็นโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา โรคติดเชื้อโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2012 หรือโรคติดต่ออุบัติใหม่อื่นๆ จะมีการใช้ พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ควบคู่กับ พ.ร.บ.โรคติดต่อ โดยให้กรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ประสานและสนับสนุนปฏิบัติการ" นายแพทย์ณรงค์ กล่าว
สำหรับเรื่องงบประมาณ ที่ประชุมได้รับทราบร่างข้อเสนอการของบประมาณ สำหรับการเตรียมความพร้อมรับมือโรคอีโบลาในระยะเฉพาะหน้า รวมถึงการพัฒนาศักยภาพของประเทศ ในการป้องกันและแก้ปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ในระยะกลางและระยะยาว ในวงเงินกว่า 3,000 ล้านบาท โดยสำนักงบประมาณได้ให้ข้อสังเกตและข้อแนะนำ ให้เร่งพิจารณาเสนอของงบประมาณสำหรับระยะเร่งด่วนก่อน ซึ่งตั้งวงเงินไว้กว่า 100 ล้านบาท โดยจะใช้จัดหาอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ เตรียมค่าตอบแทนความเสี่ยงภัย จัดหาอุปกรณ์และวัสดุทางห้องปฏิบัติการ จัดการสื่อสารประชาสัมพันธ์ ส่วนงบประมาณสำหรับดำเนินการในระยะกลางและระยะยาว จะให้อนุกรรมการด้านวิชาการและยุทธศาสตร์ พิจารณาด้านแนวทางการพัฒนาและบูรณาการให้ชัดเจน
นายแพทย์ณรงค์ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับกรณีที่มีข่าวว่า พบผู้ป่วยสงสัยโรคอีโบลาชาวเมียนมาร์ เดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาด แวะเปลี่ยนเครื่องบินในประเทศไทย ก่อนเดินทางต่อไปประเทศเมียนมาร์ และตรวจพบว่าป่วยที่ประเทศเมียนมาร์นั้น ขณะนี้ได้ให้กรมควบคุมโรค ติดต่อประสานข้อมูลกับทางการเมียนมาร์อย่างใกล้ชิด เพื่อทราบข้อเท็จจริง ส่วนแนวทางการเฝ้าระวังโรคที่ได้จัดเตรียมไว้ จะสามารถติดตามตรวจสอบผู้โดยสารที่เดินทางร่วมไปในสายการบินเดียวกัน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหา นอกจากนี้ได้มอบหมายให้อธิบดีกรมควบคุมโรค ไปตรวจเยี่ยมระบบการเฝ้าระวังโรคที่จุดเข้าออกประเทศ ว่าสามารถปฏิบัติการได้ตามระบบที่กำหนด ขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารจากกระทรวงสาธารณสุขเป็นระยะ ไม่จำเป็นต้องตระหนก กรณีที่ประเทศเมียนมาร์ตรวจพบป่วยที่ผู้อยู่ในข่ายสงสัย ถือว่าเป็นความไวของระบบการเฝ้าระวังโรค ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการป้องกันและควบคุมโรค อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า กระทรวงสาธารณสุข จะลงพื้นที่ติดตามตรวจสอบมาตรการการป้องกันเชื้ออีโบลาที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิด้วย
ที่มา : เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต