ออกกำลังกายให้ถูกกับโรค

ที่มา : ประชาสัมพันธ์ กรมการแพทย์


 


ออกกำลังกายให้ถูกกับโรค thaihealth


แฟ้มภาพ


อธิบดีกรมการแพทย์ เตือนอันตรายจากการออกกำลังกายหักโหมจนเกินไป โดยเฉพาะผู้มีโรคประจำตัวอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ แนะควรตรวจเช็คร่างกายจากแพทย์ก่อนจะป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้


นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันคนไทยหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น โดยจะเห็นได้จากกระแสการรับประทานอาหารสุขภาพ( Clean Food) การออกกำลังกายตามสถานที่ต่างๆเช่น ฟิตเนส สวนสาธารณะ สนามกีฬา แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นตามมาคือการขาดความรู้ที่ถูกต้องในการออกกำลังกาย โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีโรคประจำตัว ซึ่งจำเป็นต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์ในการออกกำลังกายที่ถูกต้อง ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว ได้แก่


ผู้ป่วยโรคหัวใจ ควรออกกำลังหรือเล่นกีฬาภายใต้คำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ในช่วงแรกควรออกกำลังกายอย่างพอเหมาะ ค่อยเป็นค่อยไป และหยุดพักเมื่อเริ่มเหนื่อยหรือแน่นหน้าอก หลังจากที่เริ่มเคยชินให้เพิ่มระยะเวลาการออกกำลังกาย จนสามารถทําได้อย่างต่อเนื่องนาน 15 นาทีขึ้นไปและทําเป็นประจําทุกวัน


ที่สำคัญควรมีการอบอุ่นร่างกายก่อนและหลังการออกกำลังกายทุกครั้ง ผู้ป่วยโรคหัวใจ ควรหลีกเลี่ยงกีฬาที่ใช้กำลังมากและมีการแข่งขัน เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล ยกน้ำหนัก เพราะจะเพิ่มภาระต่อระบบหัวใจและปอดมาก ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันหรือหัวใจวายเฉียบพลันอาจทำให้เสียชีวิตได้ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ไม่ควรออกกำลังกายก่อนนอน เพราะอาจเกิดภาวะน้ำตาลในโลหิตต่ำขณะนอนจากไกลโคเจน ที่สะสมในกล้ามเนื้อและตับถูกใช้ในการออกกำลังกายจนหมด หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายโดยใช้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดอินซูลินอย่างน้อย 1 ชั่วโมง หลังฉีด เพราะจะถูกดูดซึมสู่กระแสโลหิตเร็วเกินไป อย่าออกกำลังในช่วงที่อินซูลินออกฤทธิ์สูงสุด ผู้สูงอายุที่เป็นโรคเบาหวานควรงดการแข่งขันกีฬาหรือการเกร็งกล้ามเนื้อโดยไม่เคลื่อนไหว การออกกำลังกายที่เหมาะสมคือ การเดิน การแกว่งแขน รำมวยจีน วิ่งเหยาะๆ เดินเร็ว ขี่จักรยานช้าๆ ว่ายน้ำช้าๆ


ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ประโยชน์ของการออกกำลังกายในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง การออกกำลังแบบเคลื่อนที่จะทำให้ร่างกายได้ใช้ออกซิเจน เพิ่มความสามารถการทำงานของหัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงขึ้น ควรเป็นการออกกำลังชนิดแอโรบิค ทำต่อเนื่องกันอย่างน้อย 20 นาที สัปดาห์ละ 3 ครั้ง เช่น เดินเร็ว วิ่งเหยาะๆ ถีบจักรยาน ว่ายน้ำ แอโรบิค


ผู้ป่วยโรคหอบหืด ต้องควบคุมอาการหอบให้ได้ก่อนออกกำลังกาย ควรพกยาพ่นขยายหลอดลมติดตัวตลอดเวลาและพ่นก่อนออกกำลังกาย 15 นาที มีการอบอุ่นร่างกายก่อนและหลังการออกกำลังกายทุกครั้ง หลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย เมื่ออากาศแห้งและเย็น ควรออกกำลังกายในระยะเวลาที่เหมาะสมโดยประมาณ 15-30 นาที เมื่อมีอาการหอบให้หยุดทันที นั่งพัก พ่นยาขยายหลอดลมถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นควรรีบพบแพทย์ กีฬาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยนั้น ได้แก่กีฬาที่ออกกำลังกายเป็นระยะสั้นๆ สามารถพักเป็นช่วงๆได้ เช่น การเดินที่ไม่ช้าหรือเร็วเกินไป การวิ่งระยะสั้นๆ ว่ายน้ำ จะช่วยให้ปอดทำงานดีขึ้น โยคะและแอโรบิคจะช่วยสร้างความยืดหยุ่นให้กับร่างกายผู้ป่วย  


อธิบดีกรมการแพทย์กล่าวทิ้งท้ายว่า ผู้ที่มีโรคประจำตัว จำเป็นต้องออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วย แต่ลักษณะของการใช้แรง ระยะเวลา และวิธีการออกกำลังกายนั้นจะแตกต่างตามความเหมาะสมกับโรคที่ตนเองเป็น การตรวจสุขภาพเป็นประจำจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากมีโรคประจำตัว แพทย์จะให้คำแนะนำในการออกกำลังกายที่ถูกต้องแก่ตัวผู้ป่วยเอง และหากมีความผิดปกติขณะออกกำลังกายควรหยุดทำกิจกรรมดังกล่าวและรีบปรึกษาแพทย์ทันที

Shares:
QR Code :
QR Code