ห่วงเยาวชนเมินผักผลไม้-ริลองสุรา
เผยออกกำลังกายน้อย แห่ลดทางลัด
กระทรวงสาธารณสุข เผยผลสำรวจพฤติกรรมสุขภาพเยาวชนไทยที่สัมพันธ์กับโรคไม่ติดต่อ พบกินผักผลไม้น้อยกว่ามาตรฐานร้อยละ 59 แต่ชอบดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถึงร้อยละ 49 เริ่มดวดตั้งแต่อายุ 12 แถมยังมีพฤติกรรมป้องกันอุบัติเหตุจราจรในระดับต่ำ ออกกำลังกายน้อยเพียงร้อยละ 25 ทำให้อ้วนฉุ แห่ใช้วิธีลดน้ำหนักทางลัด
นายแพทย์
ทั้งนี้ สธ. ได้ให้สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค เฝ้าระวังพฤติกรรมสุขภาพในกลุ่มเยาวชนผ่านทางคอมพิวเตอร์มือถือใน 5 เรื่อง ได้แก่ พฤติกรรมการใช้สารเสพติดและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์, การป้องกันอุบัติเหตุจราจร, พฤติกรรมการกินอาหารและการควบคุมน้ำหนัก, การแสดงความรุนแรง และการออกกำลังกาย เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาวางแผนป้องกันแก้ไขอย่างรอบด้านร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โฆษก สธ. กล่าวต่อว่า การสำรวจครั้งนี้ดำเนินการเมื่อปี 2551 ในโรงเรียนจาก 21 จังหวัดทั่วประเทศ แยกเป็นกลุ่มนักเรียนอาชีวศึกษาปีที่ 2 นักเรียนมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 2 และ 5 รวมทั้งหมด 43,693 คน ผลปรากฏว่าพฤติกรรมสุขภาพที่สัมพันธ์กับโรคไม่ติดต่อในภาพรวมที่พบมากที่สุดได้แก่ การกินผักหรือผลไม้น้อยกว่ามาตรฐานที่กำหนด 5 ส่วนต่อวันถึงร้อยละ 59 รองลงมาได้แก่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ร้อยละ 49 โดยเริ่มดื่มตั้งแต่อายุ 12 ปี ออกกำลังกายน้อย ร้อยละ 25 ใช้สารเสพติดร้อยละ 18 โดยสารเสพติดที่นิยมใช้มากมี 3 ชนิด คือกัญชา กระท่อม และยาบ้า
ส่วนการแสดงความรุนแรงพบร้อยละ 10 และมีพฤติกรรมการป้องกันอุบัติเหตุจราจรอยู่ในระดับต่ำมาก เช่น สวมหมวกกันน็อคทุกครั้งที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ มีเพียงร้อยละ 10-23 เท่านั้น และมีนักเรียนร้อยละ 43 ที่บาดเจ็บจนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล
นายแพทย์สุพรรณ กล่าวอีกว่า ที่น่าเป็นห่วงอีกเรื่องหนึ่งคือการกินอาหารและควบคุมน้ำหนัก พบว่าเยาวชนกินขนมกรุบกรอบ ดื่มน้ำอัดลมอาทิตย์ละ 2-4 วัน และกินอาหารฟาสต์ฟู้ดเฉลี่ยอาทิตย์ละ 1 วัน ทำให้มีน้ำหนักเกินและอ้วน โดยพฤติกรรมเช่นนี้พบในนักเรียนชายมากกว่านักเรียนหญิง แต่นักเรียนหญิงจะพยายามลดน้ำหนักมากกว่านักเรียนชาย วิธีลดน้ำหนักที่ถูกต้องคือการออกกำลังกาย แต่มีเยาวชนใช้วิธีนี้เพียงร้อยละ 37 ส่วนที่เหลือใช้วิธีลดน้ำหนักทางลัด คือลดมื้ออาหารร้อยละ 27 กินอาหารเสริมหรือกินชาสมุนไพร ร้อยละ 9 ผู้ชายนิยมใช้มากกว่าหญิง กินยาลดน้ำหนักร้อยละ 7 ผู้หญิงจะใช้มากกว่าผู้ชาย และใช้เครื่องสลายไขมันกับดูดไขมัน ร้อยละ 3 โดยผู้ชายจะใช้มากกว่าผู้หญิง
ทั้งนี้ สธ. มีนโยบายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคของประชาชนให้เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น เน้นกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะผักและผลไม้ซึ่งมีวิตามินบำรุงสุขภาพ ทำให้ไม่ป่วยง่าย และมีเส้นใยช่วยในการขับถ่าย ส่งเสริมการออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ ไม่เสพสารเสพติดรวมทั้งบุหรี่ รวมทั้งไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งเป็นตัวทำลายสุขภาพ ทั้ง 3 เรื่องนี้จะสามารถลดการเกิดโรคต่างๆ ได้ โดยได้มอบนโยบายให้หน่วยงานสาธารณสุขในสังกัดทั่วประเทศเร่งดำเนินการ รวมทั้งให้อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) เข้าไปช่วยในระดับหมู่บ้านและชุมชนด้วย
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
update 27-04-52