ห่วงเกษตรกรป่วยจากสารเคมี เล็งตั้งคลินิกดูแล

เกษตรกรป่วยจากสารเคมีสูงขึ้น 4 เท่า ถึงขั้นเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ เร่งจัดคลินิกดูแลสุขภาพเกษตรกร สร้าง 4 พฤติกรรม อ่าน – ใส่ – ถอด – ทิ้งใช้สารเคมีปลอดภัย เฝ้าระวังการเกิดโรคใกล้ชิด เปิดบริการแล้ว 19% เร่งขยายครอบคลุมทุกพื้นที่


เกษตรกรป่วยจากสารเคมี ตั้งคลินิกดูแล thaihealth


ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า กลุ่มเกษตรกรมีปัญหาสุขภาพน่าห่วงที่สุด จากความเสี่ยงใช้วัตถุเคมีทางการเกษตรในการเพิ่มผลผลิต หรือกำจัดศัตรูพืช สอดคล้องข้อมูลปี 2555 ไทยนำเข้าสารเคมีเหล่านี้ 134 ล้านกว่ากิโลกรัม สารเคมีที่นำเข้ามากที่สุด คือ สารกำจัดวัชพืช สารกำจัดแมลง สารป้องกันและกำจัดโรคพืช


ทั้งนี้ สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สธ. รายงานจำนวนผู้ป่วยจากพิษสารเคมีกำจัดศัตรูพืชว่ามีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ จากปี 2553 มีผู้ป่วย 1,851 ราย เพิ่มเป็น 8,066 รายในปี 2555 หรือเพิ่มสูงกว่า 4 เท่า โดยผลกระทบต่อสุขภาพจากใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชในระยะเฉียบพลัน เช่น แสบตา แสบมือ ตาพร่ามัว ปวดศีรษะและกล้ามเนื้อ คลื่นไส้ ท้องเสีย แน่นหน้าอก หายใจขัด และผลระยะยาว ทำให้เกิดโรคเรื้อรัง เช่น มะเร็ง เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต โรคผิวหนังเรื้อรัง อาจรุนแรงถึงขั้นเป็นหมันหรือเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้


“ในปี 2558 สธ. มีนโยบายป้องกันผลกระทบสุขภาพเกษตรกรทั่วประเทศ โดยมอบสำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค เฝ้าระวังตรวจคัดกรองสุขภาพเกษตรกรที่ใช้สารกำจัดศัตรูพืช หากพบว่าผิดปกติ รีบให้คำแนะนำการใช้สารเคมีอย่างปลอดภัยทันท่วงที ไม่ต้องรอให้มีอาการป่วยก่อน พร้อมตั้งคลินิกสุขภาพเกษตรกร ในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ซึ่งเป็นสถานที่คุ้นเคย อยู่ใกล้ เข้าถึงสะดวก เพื่อดูแลสุขภาพเกษตรกรร่วมกับผู้นำชุมชนและหน่วยงานท้องถิ่น สร้างความเข้มแข็งในชุมชน ลดความเสี่ยงเกิดโรคในกลุ่มเกษตรกรให้ได้มากที่สุด ในปี 2557 เปิดบริการแล้วร้อยละ 19 จะเร่งขยายให้ครอบคลุมพื้นที่ทำการเกษตรทุกแห่ง” รมว.สธ. กล่าว


นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมฯจัดทำคำแนะนำปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชอย่างปลอดภัยแก่เกษตรกร มี 4 วิธีง่ายๆ คือ อ่าน – ใส่ – ถอด – ทิ้ง คือ 1. อ่านฉลากการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชก่อนใช้และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด 2. ใส่อุปกรณ์เครื่องมือป้องกันอันตรายจากสารเคมีขณะทำงานเช่น เสื้อผ้ามิดชิดรัดกุมหน้ากาก ถุงมือ ถุงเท้า เป็นต้น 3. ถอดชุดและอุปกรณ์ทุกชิ้นที่ใช้ขณะฉีดพ่นหรือทำงาน แยกซักจากเสื้อผ้าอื่นๆ แล้วรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที และ 4. ทิ้งผลิตภัณฑ์บรรจุสารเคมีกำจัดศัตรูพืชให้ถูกต้อง คัดแยกออกจากขยะทั่วไป ให้อยู่ในกลุ่มขยะอันตราย ทิ้งให้ห่างไกลจากแหล่งน้ำป้องกันการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม


นอกจากนี้ ให้สำนักงานป้องกันควบคุมโรคทั้ง 12 เขต จัดระบบเฝ้าระวังสุขภาพกลุ่มเกษตรกรในชุมชน ร่วมกับ รพ.สต. จัดทำคู่มือคลินิกสุขภาพเกษตรกร ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขดูแลสุขภาพเกษตรกรได้อย่างถูกต้อง ผลการดำเนินในปี 2557 พบเกษตรกร มีระดับสารกำจัดศัตรูพืชในร่างกายในเกณฑ์ไม่ปลอดภัยร้อยละ 34 กลุ่มนี้จะต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและติดตามอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะปลอดภัย


 


 


ที่มา : ASTVผู้จัดการออนไลน์


ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

Shares:
QR Code :
QR Code