ห่วงสุขภาพผู้แสวงบุญฮัจญ์ เข้มป้องกัน 4 โรคสำคัญ
สธ.ห่วงสุขภาพผู้แสวงบุญฮัจญ์ กำชับหน่วยแพทย์ไทย เข้มการป้องกัน 4 โรคสำคัญ เมอร์ส อุจจาระร่วง อีโบล่า ฮีทสโตรก
แฟ้มภาพ
ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สธ.) ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพชาวไทยมุสลิมที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย ประจำปี 2558 จำนวน 10,400 คน ว่า ได้รับรายงานจากหน่วยแพทย์ไทยที่กระทรวงสาธารณสุขส่งไปประจำการที่ประเทศซาอุดิอาระเบียว่า ขณะนี้สภาพอากาศร้อนมาก และมีประชาชนอยู่รวมกันจำนวนมาก 1 ล้าน 3 แสนกว่าคน มีความเป็นห่วงเรื่องการเจ็บป่วย ได้กำชับให้หน่วยแพทย์ไทยดำเนินการป้องกันโรคสำคัญ 4 โรค คือ เมอร์ส อุจจาระร่วง อีโบล่า และฮีทสโตรก อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะช่วงประกอบพิธีฮัจญ์ภาคสนาม วันที่ 22-27 กันยายน 2558 ได้ให้หน่วยแพทย์ไทยส่งทีมแพทย์และอสม.ฮัจญ์ เดินเท้าออกเยี่ยมผู้ประกอบพิธีและในเต็นท์ที่พัก โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวเป็นการพิเศษด้วย
ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล กล่าวอีกว่า ในส่วนสถานการณ์โรคเมอร์สได้รับรายงานจากหน่วยแพทย์ ยังไม่มีรายงานผู้แสวงบุญรวมทั้งชาวไทยป่วยจากโรคนี้แต่อย่างใด อย่างไรก็ตามกระทรวงสาธารณสุขไทย ได้จัดระบบป้องกันช่วงขากลับหลังเสร็จสิ้นพิธีฮัจญ์อย่างเต็มที่ โดยผู้แสวงบุญชุดแรกจะเริ่มเดินทางวันที่ 29 กันยายน 2558 ได้ให้หน่วยแพทย์ไทยดำเนินการตรวจคัดกรองสุขภาพก่อนขึ้นเครื่องกลับไทยทุกคน ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ คัดกรองสุขภาพตรวจวัดไข้ที่สนามบินหลังลงเครื่องทุกคน และให้มิสเตอร์ฮัจญ์ และอสม.ในพื้นที่ติดตามเฝ้าระวังอาการทุกคนเป็นเวลา 30วัน เตรียมความพร้อมโรงพยาบาลทุกแห่ง หากพบว่ารายใดมีไข้ จะรับตัวเข้าดูแลในโรงพยาบาลตามมาตรการที่กำหนดไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการแพร่ระบาดในชุมชน
สำหรับผลการรักษาพยาบาลของหน่วยพยาบาลไทยที่ตั้งหน่วยรักษาพยาบาลที่นครเมกกะ ตั้งแต่เปิดให้บริการวันที่ 15 สิงหาคม2558 ถึงวันที่ 19 กันยายน 2558 มีผู้รับบริการทั้งหมด 6,563 คน เฉลี่ยวันละ 364 คน ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอายุ 51-60 ปีรองลงมากลุ่มอายุ 61-70ปีประมาณร้อยละ 70 เป็นไข้หวัด แพ้อากาศ
รองลงมาคือ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และโรคระบบทางเดินอาหาร โดยมีผู้ป่วยต้องส่งไปรับการรักษาต่อโรงพยาบาลของประเทศซาอุดิอาระเบีย จำนวน 21 คน ส่วนใหญ่เกิดจากโรคประจำตัวกำเริบ เช่น โรคหอบหืดโรคหัวใจ โรคเบาหวาน
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์