หาดใหญ่อันดับ 2 ยอดเจ็บสงกรานต์
อึ้ง!หาดใหญ่ติดอันดับ 2 ยอดเจ็บช่วงสงกรานต์ เหตุเมาแล้วขับ ด้านผู้ว่าฯ สงขลาจับมือสมาพันธ์ธุรกิจท่องเที่ยวฯ เตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวหลังเจอวิกฤติน้ำท่วม ขณะที่ สคล.-สสส. ปลื้มหาดใหญ่เดินหน้าต่อโซนนิ่งพื้นที่เล่นน้ำปลอดภัย ไร้แอลกอฮอล์ หวังลดอุบัติเหตุ-เสียชีวิต
ที่บริเวณหน้าห้างเซ็นทรัลหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายพิศาล ทองเลิศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานในงานแถลงข่าว “เทศกาลหาดใหญ่มิดไนท์สงกรานต์ ประจำปี 2554” โดยมีหน่วยงานเข้าร่วมแถลงข่าวประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา เทศบาลนครหาดใหญ่ สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสงขลา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานหาดใหญ่ สมาคมสมาพันธ์ธุรกิจการท่องเที่ยว จังหวัดสงขลา และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ทั้งนี้งานดังกล่าวจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-13 เมษายน 2554
นายพิศาล กล่าวว่า เทศกาลสงกรานต์ ถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ของคนไทย ซึ่งประชาชนไทยส่วนใหญ่มักเดินทางกลับบ้านเพื่อฉลองเทศกาลนี้กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ประเพณีสงกรานต์ที่ปฏิบัติกัน นอกจากการทำบุญตักบาตร ปล่อยนก ปล่อยปลา ซึ่งเป็นการสร้างกุศลแล้ว ยังมีพิธีสรงน้ำพระพุทธรูป การรดน้ำดำหัวแก่ผู้สูงอายุ และการแสดงมุทิตาจิต หลังจากนั้นก็จะเป็นการเล่นสาดน้ำใส่กันอย่างสนุกสนาน ดังนั้น เพื่อเป็นการอนุรักษ์สืบสานขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมของคนไทยและเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของอำเภอหาดใหญ่และจังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นศูนย์กลางของธุรกิจการท่องเที่ยวและการส่งออก รวมทั้งเป็นการฟื้นฟูกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ทางจังหวัดสงขลาจึงได้ร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน จัดงานเทศกาลหาดใหญ่มิดไนท์สงกรานต์ขึ้นเป็นประจำทุกปี
ด้าน นายพีระยศ เวชชาพินันท์ รองประธานสมาพันธ์ธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ปีนี้งานดังกล่าวนอกจากจะเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างสีสันให้หาดใหญ่กลับมาคึกคักอีกครั้งหลังจากเมื่อปีที่ผ่านมาต้องประสบวิกฤตน้ำท่วมอย่างหนักแล้ว ยังได้มีการรณรงค์ให้ประชาชนมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเล่นน้ำสงกรานต์โดยปราศจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยการห้ามมิให้นำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดเข้ามาในบริเวณงานและพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อส่งเสริมบรรยากาศการท่องเที่ยวให้มีความปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งจากการรณรงค์ร่วมกับทาง สสส. เมื่อปีที่ผ่านมา พบว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่รู้สึกปลอดภัย เพราะไม่มีการทะเลาะวิวาท หรือการแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังได้เปิดพื้นที่สร้างสรรค์ให้กับเด็กเยาวชนได้ทำกิจกรรมที่ดีงาม ส่งผลให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในหาดใหญ่ต่อไป
นายพีระยศ กล่าวต่อไปว่า สำหรับกิจกรรมภายในงานจะเน้นการสืบสานวัฒนธรรมของคนไทย ความรื่นเริง บันเทิง แสงสี เสียง การตกแต่งประดับประดาสถานที่ให้สวยงาม อาทิเช่น ขบวนแห่คาร์นิวัล มิดไนท์สงกรานต์ 2011 กิจกรรมกีฬาพื้นบ้านและสันทนาการต่างๆ เช่น พิธีรับเทียมดาเสริมสิริมงคล มวยทะเล มวยไทย กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ“เหวี่ยงเอวลดพุงกับฮูล่าฮูป”ที่มีผู้เล่นมากที่สุดในภาคใต้ ลีลาศบนลานถนนแห่งแรกในภาคใต้ สงกรานต์ปาร์ตี้โฟม ฟรีคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง และการออกร้านจำหน่ายอาหารจากร้านอาหารชื่อดังของอำเภอหาดใหญ่และจังหวัดสงขลา เป็นต้น
ขณะที่ ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) และผู้ทรงคุณวุฒิ สสส. กล่าวว่า จากข้อมูลสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน ปี 2553 ในช่วงสงกรานต์ พบว่า อ.หาดใหญ่ มียอดจำนวนผู้บาดเจ็บ สูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศ คือ 383 คน สำหรับทั้งจังหวัดสงขลาในช่วง 3ปีที่ผ่านมามีผู้บาดเจ็บเฉลี่ย 697 คน/ปี ในจำนวนนี้มากกว่าครึ่งหนึ่งคือ ร้อยละ 51 เป็นเด็กเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปี ถึง 356 คนและมากกว่า 1 ใน 3 คือร้อยละ 38 เกี่ยวข้องกับการดื่มเหล้าเบียร์ จำนวน 262 คน ที่น่าตกใจคือ คนที่นี่กว่าร้อยละ 76.6 หรือ กว่า 2 ใน 3 ของจำนวนผู้บาดเจ็บทั้งหมดจำนวน 534คน บาดเจ็บจากการใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ โดยช่วงเวลาเกิดเหตุส่วนใหญ่เป็นช่วง 14.00-20.00 น. ซึ่งสัมพันธ์กับช่วงเวลาเล่นน้ำ ที่คนนิยมออกมาเล่นมากที่สุด และภายหลังจากการเล่นน้ำสงกรานต์ได้มีการเดินทางกลับบ้าน ด้วยการขาดสติจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไป ทำให้พบว่าพื้นที่ถนนสายรองในชนบท มีผู้บาดเจ็บมากกว่าถนนในเมืองและทางหลวง
ภก.สงกรานต์ กล่าวอีกว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ต้องขอขอบคุณหน่วยงานต่างๆ ใน อ.หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ที่ได้เกิดความตื่นตัวร่วมกันรณรณรงค์ให้งานบุญประเพณีและเทศกาลต่างๆ ปลอดภัยจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาทิ งานสงกรานต์ปี 2553งานเคาท์ดาวน์หาดใหญ่ไร้แอลกอฮอล์ เทศกาลกินเจ และงานบุญประเพณีต่างๆ เพื่อให้เกิดค่านิยมที่ดีงาม ให้เด็กเยาวชนได้เรียนรู้ และลดปัญหาจากการเมา เช่น อุบัติเหตุ อาชญากรรม เป็นต้น พร้อมไปกับการสร้างบรรยากาศทางการท่องเที่ยวให้สนุกและปลอดภัย อันจะเป็นการกระตุ้นและสร้างความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยวให้แก่ผู้มาเยือนทั้งชาวไทยและต่างประเทศอีกทางหนึ่งด้วย
ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามรัฐ