“หอมแดง” เพิ่มภูมิต้านหวัด
หากไม่เขียนถึงสมุนไพรที่มีสรรพคุณต้านหวัดในช่วงนี้ต้องถือว่าตกยุค ซึ่งผู้อ่านจำนวนมากอยากทราบว่ามีสมุนไพรอะไรบ้างที่สามารถต้านหวัด โดยเฉพาะ “หวัด 2009” ที่กำลังระบาดอยู่ในเวลานี้ ซึ่งความจริงแล้วสมุนไพรที่มีสรรพคุณต้านเชื้อหวัดมีหลายชนิด นิยมใช้มาแต่โบราณ อยู่ที่ว่าใครจะเลือกใช้ชนิดใด ที่กำลังดังและฮือฮากันมาก ได้แก่ ฟ้าทลายโจร ทุกคนทราบวิธีกินวิธีใช้กันดีแล้ว
นอกจากนั้น ยังมีพืชผักพื้นบ้านอีกหลายอย่างที่คนเฒ่าคนแก่สมัยก่อนกินเป็นอาหารประจำ ซึ่งนอกจากจะอร่อยแล้วยังมีสรรพคุณทำให้ร่างกายแข็งแรงมีภูมิคุ้มกันต้านหวัดได้ เช่น กระเทียม ขิง ใบกะเพรา หรือแม้กระทั่ง มะขามป้อม เคยแนะนำวิธีกินไปเมื่อไม่นานมานี้ กินแล้วต้านหวัดได้ดีเช่นกัน ที่สำคัญหาซื้อง่าย มีผู้ทำเป็นแบบชงน้ำร้อนดื่มหอมอร่อยชื่นใจดี ดื่มประจำไม่มีอันตรายอะไร สามารถป้องกันเชื้อหวัดได้
ใน ส่วนของ “หอมแดง” สามารถต้านเชื้อหวัดได้เหมือนกัน นิยมใช้มาแต่ดึกดำบรรพ์ เช่น เด็กเป็นหวัด หรือมีอาการคัดจมูกคล้ายจะเป็นหวัด โดยเฉพาะช่วงปลายฝนต้นหนาว นิยมเรียกว่า “ไข้หัวลม” เอา “หอมแดง” กะจำนวนพอประมาณ ทุบพอแตกต้มกับน้ำจนเดือดราดศีรษะเด็กขณะอุ่นหลังอาบน้ำเสร็จ 2 – 3 ขัน เศษ “หอมแดง” ที่ต้มขยี้ศีรษะเช็ดผมให้สะอาด อาการคัดจมูก หรือเป็นหวัดหัวลมจะหายได้ นิยมทำตอนเย็น หรือ หากผู้ใหญ่เป็นไข้หัวลม
หรือเป็นหวัด เอา “หอมแดง” กะจำนวนตามต้องการทุบพอแตกต้มน้ำ เดือดแล้วใช้ผ้าคลุมศีรษะรมสูดเอาไอร้อนจากน้ำที่ต้ม หายใจลึกๆ ทำวันละครั้งก่อนนอน อาการที่เป็นจะหายได้ ซึ่งสูตรดังกล่าวสามารถใช้ป้องกันเชื้อหวัดทุกชนิดได้ คนที่ยังไม่เป็นหวัดก็ทำได้ เพื่อป้องกันการติดเชื้อหวัดได้ดีมาก
หอมแดง หรือ ALLIUM ASCALONI – CUM LINN อยู่ในวงศ์ ALLIACEAE มีขายตามตลาดสดทั่วไป มีคุณค่าทางอาหาร คือ มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสในสัดส่วนที่เหมาะสมกับการดูดซึมของร่างกาย มีเบต้าแคโรทีน มีสารฟลาโวนอยด์ โดยเฉพาะเควอซิทีน เป็นเกราะกันมะเร็งให้กับคนได้ มีสารอาหารมากกว่า 10 ชนิด กากใยอาหาร รับประทานหรือทำตามสูตรที่กล่าวข้างต้น ช่วยทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานเชื้อหวัดได้
อย่างไรก็ตาม การป้องกันการติดเชื้อภายนอก ทุกคนควรปฏิบัติ คือ กินอาหารให้ครบหมู่ กินอาหารสุกและร้อนๆ ออกกำลังกายเป็นประจำ นอนหรือพักผ่อนให้เพียงพอ หมั่นล้างมือทำความสะอาดบ่อยๆ และสวมหน้ากากปิดปากจมูกป้องกันเวลาเดินทางไปทำงานหรือออกนอกบ้านเสมอ เท่านี้เชื่อว่าจะรอดพ้นจากการติดเชื้อ “หวัด 2009” ได้ครับ
ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
Update 21-07-52
อัพเดทเนื้อหาโดย : กันทิมา ลีจันทึก