หวัด 2009 ตื่นตัวได้ แต่อย่าตื่นตระหนก

แนะประชาชาชนปรับพฤติกรรมสู้หวัด

หวัด 2009 ตื่นตัวได้ แต่อย่าตื่นตระหนก

            ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชื่อนี้อาจทำให้หลายคนผวา แต่ถ้าลองทำความรู้จักให้ดีความคิดคุณอาจเปลี่ยนไป

            ถึงแม้จะมีการระบาดไปเกือบทั่วโลก มีผู้ป่วยถึงหลักหมื่น แต่ก็มีความชัดเจนเกี่ยวกับลักษณะของโรคที่ทำให้สบายใจได้ขึ้นมาเปลาะหนึ่ง เนื่องจากพบว่าโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น1 มีความรุนแรงต่ำ มีอัตราการตายอยู่ที่ร้อยละ 0.4 เท่านั้น เมื่อเทียบกับโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ตามฤดูกาล ที่มีอัตราการเสียชีวิตร้อยละ 0.75 – 1 และไข้หวัดนก ซึ่งมีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ร้อยละ 60!  

องค์การอนามัยให้คำแนะนำว่า หลังจากมีการระบาดอย่างกว้างขวาง ประเทศต่างๆ ควรเตรียมพร้อมสำหรับการระบาดของโรคระลอกที่สอง โดยควรเน้นหนักในการดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วยอย่างเหมาะสม สำหรับการชันสูตรทางห้องปฏิบัติการควรลดความสำคัญลง เพราะประโยชน์ที่ได้อาจไม่คุ้มค่ากับทรัพยากรที่ต้องทุ่มเทลงไป

แล้วแนวทางที่ประเทศไทยทำอยู่ล่ะ มาถูกทางหรือไม่?!

หวัด 2009 ตื่นตัวได้ แต่อย่าตื่นตระหนกนพ.ชัยยศ คุณานุสนธิ์  ผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติ มีคำตอบในเรื่องนี้ว่า เมื่อเกิดโรคระบาดใหม่ขึ้นจะมีการวางแนวทางมาตรการป้องกันโรคอย่างเป็นมาตรฐาน ซึ่งแต่ละประเทศก็จะปฏิบัติเหมือนๆ กัน เช่น การจำกัดการเดินทาง ขนส่ง การปิดสถานที่ต่างๆ และเร่งหาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันลักษณะของเชื้อให้ได้เร็วที่สุด เพื่อหามาตรการป้องกันที่เหมาะสม

ขณะนี้ทราบชัดเจนแล้วว่าเป็นการติดต่อจากคนสู่คน มีอาการและลักษณะของโรคเหมือนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล คือ ติดต่อจากการไอ จาม ระยะฟักตัว 1-4 วัน อาจนานถึง 7 วัน ระยะแพร่เชื้อก่อนมีไข้หนึ่งวันจนถึงมีอาการไปแล้ว 7 วัน

อาการของโรค จะมีไข้ ไอ ปวดหัว เจ็บคอ มีน้ำมูก ปวดเมื่อย อ่อนเพลีน คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน กินน้อย หอบ หายเองใน 3-5 วัน ผู้ป่วยร้อยละ 95 หายได้เองโดยไม่ต้องทานยาต้านไวรัส

การสร้างมาตรการป้องกันเฝ้าระวังเป็นเรื่องธรรมดาเมื่อเกิดโรคระบาดใหม่ เพราะไม่มีใครทราบว่าลักษณะของโรคเป็นอย่างไร จึงต้องใช้วิธีป้องกันที่ดีที่สุด ต่อเมื่อมีการยืนยันได้ว่าโรคมีความรุนแรงต่ำ แม้จะมีการติดต่อได้มาก ก็สามารถวางใจได้และปรับมาตรการป้องกันที่ลดลงในระดับปกติ ไม่ได้เป็นการตื่นตระหนกจนเกินไป แต่เป็นความตื่นตัวเพื่อรับมือ เพราะเป็นการติดต่อจากคนสู่คน หากไม่รับมืออย่างเต็มที่แล้ว โรคเกิดมีอัตราความรุนแรงสูงก็จะสร้างความสูญเสียมากเหมือนการระบาดครั้งใหญ่ในอดีตที่มีคนตายหลักล้านคน

นพ.ชัยยศ อธิบายต่อว่า การระบาดในครั้งนี้เพิ่งเป็นการเริ่มต้นเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เกิดโรคระบาดในลักษณะนี้ขึ้นอีก โดยการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่เป็นไปอย่างรวดเร็วเกิดจากประชาชนไม่มีภูมิคุ้มกันโรคที่เกิดขึ้นใหม่ สิ่งที่ต้องทำต่อจากนี้ คือ การควบคุมจำนวนผู้ป่วยให้ได้มากที่สุด และทำให้สถานการณ์การระบาดจบลงเร็วที่สุดให้ได้

เรายังสามารถมั่นใจแนวทางการควบคุมโรคของไทยได้ เพราะเท่าที่เห็นมีการทำงานไปในแนวทางที่เหมาะสมเป็นมาตรฐานเดียวกับนานาชาติ และคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก แต่การควบคุมโรคไม่ได้อยู่ที่กระทรวงสาธารณสุขหรือรัฐเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่ความร่วมมือของประชาชน ซึ่งต้องมีความรู้ในการป้องกันตนเอง ลดความเสี่ยงที่จะทำให้ติดเชื้อ ปฏิบัติตามคำแนะนำ เพราะหากประชาชนไม่ให้ความร่วมมือ ไม่ปรับพฤติกรรม ต่อให้มีอีก 10 กระทรวงสาธารณสุข ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ นพ.ชัยยศ กล่าว

 

 

 

 

 

 

 

ที่มา : จดหมายข่าวชุมชนคนรักสุขภาพ ฉบับสร้างสุข เดือนกรกฎาคม 2552

 

 

Update 09-07-52

อัพเดทเนื้อหาโดย : อารยา สิงห์สวัสดิ์

Shares:
QR Code :
QR Code