หยุด ‘เชื้อเอชไอวีสู่ลูก’ ฝากครรภ์-รับยาต้านไวรัส

แต่ละปีมีหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อเอชไอวี ราว 6-7 พันราย คำถามคือ แล้วทารกจะเป็นอย่างไร 

จากการลงพื้นที่เพื่อพูดคุยกับคนทำงานในเรื่องนี้ ที่ จ.เพชรบุรี น.ส.สุพรรณี สฤษดิ์อภิรักษ์ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ สสจ.เพชรบุรี อธิบายว่า เมื่อหญิงเข้ามาฝากครรภ์จะได้รับการตรวจคัดกรองโรคต่างๆ รวมถึงการติดเชื้อเอชไอวี จะมีกระบวนการสำคัญ คือ การให้คำปรึกษา เพื่อดูแลทั้งหญิงตั้งครรภ์ คู่ครอง และทารก เพราะปัจจุบันหากทราบเร็วว่าติดเชื้อ ก็ถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะดูแลให้อยู่อย่างปกติได้ยืนยาว และป้องกันทารกติดเชื้อโดยให้ยาต้านไวรัสแม่จนถึงคลอด

แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ หญิงที่ไม่เข้ารับการฝากครรภ์ตามเวลาที่เหมาะสม ส่วนใหญ่มาจากการเคลื่อนย้ายถิ่นฐาน ซึ่งหากพบว่าติดเชื้อเอชไอวีในช่วงนั้น จะต้องรีบจ่ายยาต้านไวรัสทันที ติดต่อกัน 4 สัปดาห์ หรือต้องให้ยาทันที และให้ยาทารกหลังคลอด 72 ชั่วโมง และตรวจหาเชื้อ ติดตามต่อเนื่องมากที่สุดถึง 1 ปี

“การใช้มาตรการนี้ หากพบเชื้อทำให้ทารกไม่ติดเชื้อจากแม่สู่ลูกอย่างได้ผล มีเพียงบางรายที่ฝากครรภ์ช้าและเป็นทารกแฝดทำให้การให้ยาได้ผลไม่เต็มที่ แต่หากฝากครรภ์เร็วจะช่วยให้ทารกไม่ติดเชื้อได้ โดยใน จ.เพชรบุรี ผู้ฝากครรภ์พบการติดเชื้อร้อยละ 0.66 แต่ในกลุ่มผู้ไม่ฝากครรภ์พบ ร้อยละ 4 การกระตุ้นให้ฝากครรภ์ตรวจคัดกรองรวดเร็วจึงป้องกันทารกไม่ให้ติดเชื้อได้” น.ส.สุพรรณีกล่าว

ด้าน นางศิริพร ศรีอินทร์ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ ร.พ.ท่ายาง ผู้ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาในคลินิก love care บอกว่า บางรายมีปัญหาทางการเงินและไม่ยอมฝากครรภ์ทั้งที่ร.พ.จะมีระบบการช่วยเหลือ ทำให้พลาดทั้งการดูแลที่มีคุณภาพและช่วยเหลือกรณีพบการติดเชื้อ 

แม้ว่ายาต้านไวรัสในปัจจุบันจะช่วยเหลือผู้ป่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ แต่มีอีกหลายคนที่ถูกสังคมปฏิเสธ และแม้จะป้องกันไม่ให้ทารกติดเชื้อได้ แต่ก็ยังถูกรังเกียจอยู่ดี

 

 

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด

Shares:
QR Code :
QR Code